คุมผัวเมียโจรอุ้มหมาแถลง เหยื่อตะโกนด่า-แช่ง ปรี่วงล้อมหวังทำร้ายชำระแค้น

           โจรอุ้มหมาหวิดถูกรุมทำร้าย ขณะคุมตัวมาโรงพัก ด้านเพื่อนบ้านเผยไม่รู้มาเช่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ ยันเช่าอยู่ได้แค่ 2 วันก่อนถูกจับ - เหยื่อเปิดภาพวิธีก่อเหตุ ใช้ผ้าอ้อมลูกฉกทรัพย์

           ความคืบหน้าคดีโจรอุ้มหมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายอภิชาติ บุญเรือง อายุ 42 ปี และ นางสาวอุษา เกษมณี หรือ ฑิญาตา บุญเรือง อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา ได้ที่บ้านพักภายในซอยพหลโยธิน 52 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : รวบแล้ว 2 ผัวเมีย ฉายาโจรอุ้มหมา สิ้นลายหลังลอยนวลก่อเหตุนาน 15 ปี)


           เกี่ยวกับเรื่องนี้ (29 สิงหาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานว่า มีประชาชนผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตลอดระยะเวลาก่อเหตุนาน 15 ปี ได้เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อมาดูหน้าผู้ก่อเหตุ และรอฟังการแถลงข่าวการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้เสียหายทั้งหมดได้ตะโกนด่า สาปแช่งผู้ต้องหา และมีบางส่วนพยายามฝ่าการคุ้มกันของเจ้าหน้าที่เพื่อหวังเข้าทำร้ายผู้ต้องหา เนื่องจากความโกรธแค้น


           โดย พล.ต.ท. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยผลการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพทั้งหมด ยอมรับว่า ช่วงแรกใช้วีธีอุ้มลูกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหยื่อ แต่เมื่อลูกโตขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นอุ้มสุนัขแทน ก่อเหตุประมาณ 10 ครั้งต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 15 ปี ซึ่งทรัพย์สินที่ได้จะเอาไปจำนำหรือขาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย


           พล.ต.ท. สุวัฒน์ เผยถึงสาเหตุที่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ตลอดระยะเวลา 15 ปี เนื่องจากผู้ต้องหาใช้วิธีหาใบขับขี่และบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นที่หน้าตาคล้ายกันมาใช้ ใช้ชื่อของบุคคลอื่นในการแสดงตัวทุกครั้งที่ถูกตำรวจเรียกตรวจ และย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ อาทิ รถยนต์ บ้านและห้องเช่าก็จะใช้ชื่อของบุคคลอื่นทั้งหมด และเบื้องต้นจะมีการตรวจสอบหาทรัพย์สินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ที่ผู้ต้องหานำไปเก็บไว้ว่าอยู่ที่ใด โดยจะใช้กฎหมายการฟอกเงินในการตรวจสอบ รวมถึงจะตรวจสอบญาติ ๆ ที่รู้เห็นพาผู้ต้องหาหลบหนีด้วย


           ทั้งนี้ นางสมัย ทรัพย์อนันต์กุล อายุ 58 ปี ผู้เสียหายที่เดินทางมาดูทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป เปิดเผยด้วยความดีใจว่า ตนไม่คิดว่าจะได้ของคืน ซึ่งเป็นธนบัตรเก่าและใหม่ที่คนร้ายขโมยไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ด้วยวิธีการคือ เข้ามาทำทีซื้อร้องเท้าเด็กที่ร้านตน พร้อมกับอุ้มเด็กและถือร่มเข้ามาในร้าน ก่อนจะปล่อยให้เด็กเดินในร้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตน และอาศัยจังหวะนั้นหยิบกระเป๋าที่มีเงินและมือถือของตนหลบหนีไป


           ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักภายในซอยพหลโยธิน 52 ที่จับกุมผู้ต้องหาได้ เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ สูง 2 ชั้น เพื่อนบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนอยู่บ้านหลังถัดไปจากบ้านผู้ต้องหาประมาณ 4 หลัง เพิ่งรู้ว่าผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่ที่นี่ก็เมื่อตอนเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุม เพราะบ้านหลังดังกล่าวติดป้ายขาย ก่อนที่ผู้ต้องหาจะมาอยู่ได้ประมาณ 1-2 วัน แต่ที่ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะไม่เคยเห็นหน้าว่าคนที่มาอยู่นั้นคือใคร ถ้ารู้ก็คงแจ้ง เพราะตนก็ติดตามข่าว และจำหน้าได้แม่น ซึ่งก็ไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะมาอยู่บ้านใกล้ตนขนาดนี้

           ขณะที่ นายศักย์ศรณ์ จิระตระการวงศ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยภาพและวิธีการก่อเหตุของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพขณะนายอภิชาติ อุ้มลูกสาวเข้ามาในร้านลูกโป่งสวรรค์ โดยอาศัยจังหวะคนในร้านเผลอ หยิบเอาทรัพย์สินใส่ในผ้าอ้อมเด็ก แล้วหลบหนีออกจากร้านทันที


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คุมผัวเมียโจรอุ้มหมาแถลง เหยื่อตะโกนด่า-แช่ง ปรี่วงล้อมหวังทำร้ายชำระแค้น อัปเดตล่าสุด 30 สิงหาคม 2561 เวลา 10:25:09 32,327 อ่าน
TOP
x close