พี่สาว 17 เผยน้องถูกขู่ให้มีอะไรด้วย ยันไม่แบล็กเมลหวังเงิน ฐานะดีกว่าฤาษีตาไฟอีก !

          พี่สาวผู้เสียหายวัย 17 เชื่อน้องถูกบังคับให้มีอะไรกับฤาษีตาไฟ แฉแต่ก่อนร่างกายไม่ได้ผิดปกติมากแบบนี้ ยันน้องเล่าหมดเปลือกถูกขู่ว่าบอกไปใครก็ไม่เชื่อ เพราะเขาพิการ

          ล่าสุด (4 กันยายน 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ พี่สาวของสาวอายุ 17 ปี ผู้ที่กล่าวหาว่าถูกนายสุรสิทธิ์ หรือ ร่างทรงปู่ฤาษีตาไฟ ข่มขืน ว่า ครอบครัวตนเคยให้นายสุรสิทธิ์ มาทำพิธีที่บ้าน ก็ยังสามารถนั่งได้ปกติตั้งแต่เช้าถึงเย็น ร่างกายไม่ได้เป็นแบบที่เห็นในข่าว ซึ่งสาเหตุที่น้องสาวเชื่อและยินยอมทำพิธีนั้น เพราะถูกนายสุรสิทธิ์อ้างว่าน้องสาวตนถูกแฟนเก่าทำของใส่ ถ้าไม่รีบถอนออกจะตาย และเมื่อมีอะไรกัน 4 ครั้งแล้ว นายสุรสิทธิ์ ก็ข่มขู่ด้วยว่าห้ามบอกครอบครัวหรือบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะถ้าบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อเนื่องจากเขาพิการ และก็ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน
          พี่สาวเด็ก 17 เผยว่า ตนสอบถามน้องหลังเกิดเรื่อง เนื่องจากเขากลับมาบ้าน เขาไม่เหมือนเดิม เก็บตัว ตาบวมเพราะร้องไห้ ไม่ยอมกินข้าว ตนจึงมาขอนอนด้วยและพยายามสอบถาม น้องสาวจึงยอมบอก ตอนแรกก็บอกว่าบอกไม่ได้ เพราะกลัวครอบครัวจะมีอันเป็นไป ก่อนจะเล่าให้ตนฟังทั้งหมดว่า ตอนที่เข้าไปอยู่ที่ห้องตามลำพังกับนายสุรสิทธิ์ นายสุรสิทธิ์บอกว่าไม่ต้องกลัว มีคนอายุน้อยกว่านี้ก็เคยทำแล้ว และเมื่อมีการพูดว่าถ้าไม่ทำจะต้องตายทั้งครอบครัว น้องสาวตนกลัว จึงต้องยอม ซึ่งสาเหตุที่เช้าวันถัดมาน้องสาวไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นายทวี คนขับรถที่พาไปรีสอร์ต ฟังนั้น เนื่องจากกลัวว่าครอบครัวจะมีอันตรายตามคำขู่ของนายสุรสิทธิ์
          ทั้งนี้ ตนเชื่อว่านายสุรสิทธิ์ สามารถมีอะไรกับน้องสาวตนได้ เพราะจากการสังเกตจะเห็นว่าถึงเขาจะพิการแต่หัวเข่ายังใช้งานได้ และแขนก็ยังสามารถยันพื้นได้ปกติ ซึ่งการที่ออกมาเรียกร้องไม่ใช่เพื่อต้องการแบล็กเมลหรือหวังต้องการเงิน เพราะครอบครัวตนไม่ได้เดือดร้อน ซ้ำครอบครัวตนยังมีฐานะดีกว่านายสุรสิทธิ์ด้วยซ้ำ
          นางสาวจันที เผยว่า จากการพูดคุย ผู้เสียหายยังคงยืนยันว่ามีอะไรกับนายสุรสิทธิ์ 4 ครั้ง โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย

          ด้าน นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม เผยถึงประเด็นว่าจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ที่นายสุรสิทธิ์ ซึ่งเป็นโปลิโอ จะสามารถมีอะไรกับคนอื่นได้ ว่า โดยปกติแล้วคนที่ไม่ใช่นักกีฬาจะรับน้ำหนักได้เต็มที่ประมาณ 50-70 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว หากเป็นนักกีฬาที่มีการฝึกฝนกล้ามเนื้อก็อาจจะรับน้ำหนักได้มากขึ้นเป็น 80-90 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว แต่ในกรณีที่อยู่ในภาวะอารมณ์ตื่นเต้น ฮอร์โมนอะดรีนาลินหลั่ง ก็จะสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 1.5 เท่า ของน้ำหนักตัว ซึ่งนายสุรสิทธิ์ มีอาการกล้ามเนื้อลีบจากการเป็นโปลิโอ กล้ามเนื้ออ่อนแรง น่าจะรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 30-50 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว หากอยู่ในภาวะอารมณ์ตื่นเต้น ฮอร์โมนอะดรีนาลินหลั่งก็อาจจะรับน้ำหนักได้มากขึ้น เป็นประมาณ 70-100 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว
          จากสภาพร่างกายของนายสุรสิทธิ์ มีลักษณะกล้ามเนื้อที่ผิดรูป และไม่น่าจะเคยฝึกกล้ามเนื้อ จึงไม่สามารถรับน้ำหนักที่เกินจากน้ำหนักตัวเองได้ เว้นแต่ว่าจะมีผู้อื่นช่วย หากแบกน้ำหนักเกินร่างกายรับได้ ก็จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกเกร็ง และกล้ามเนื้อกระตุกในเวลาต่อมา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก