x close

ครูวัย 40 ถูกเข้าใจผิดว่าอายุ 14 เหตุป่วยโรคแปลก ร่างกายหยุดเวลาไว้ ไม่โตสักที

          เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงอินเดีย ผู้ป่วยเป็นโรคหายาก ร่างกายไม่เจริญเติบโต แม้อายุ 40 ปี แต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนอายุ 14 ปี เผยใช้ชีวิตยาก เคยซึมเศร้าและทุกข์ แต่ทุกวันนี้มีความสุข เพราะเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง

          สำหรับคนเราแล้ว การแก่ตัวตามวัยเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอกันทั้งนั้น แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากแก่ โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะการแก่ตัวลงย่อมหมายถึงความงามที่เสื่อมลงไปด้วย หลาย ๆ คนจึงสรรหาวิธีสารพัดเพื่อชะลอความชรา ไม่ว่าจะเป็นการโปะครีมบำรุงกระชับผิว ร้อยไหม ฉีดโบท็อกซ์ ไปจนถึงการทำศัลยกรรมยกเครื่องใบหน้า เพื่อคงไว้ซึ่งความสาวความสวยของวัยเยาว์

          แต่สำหรับหญิงชาวอินเดียที่ชื่อ พิงกี้ บาห์รู นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอมันตรงกันข้ามกับคนอื่น ๆ สิ่งที่ชีวิตของเธอปรารถนามากที่สุดคือการได้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้ใหญ่ และอยากดูแก่เหมือนผู้หญิงวัยกลางคน เนื่องจากรูปลักษณ์ของเธอดูเด็กกว่าอายุไปมาก มากจนสร้างปัญหาในชีวิต เพราะเธอมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเด็กอายุ 14 ปี ทั้งที่แท้จริงอายุของเธอเลยวัย 40 ปี ไปแล้ว !


ภาพจาก Pinky Bahroos

          เรื่องราวชีวิตที่น่าประหลาดใจของผู้หญิงคนนี้ถูกหยิบมารายงานโดยเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 พิงกี้ป่วยเป็นโรคเทอร์เนอร์ (Turner Syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้โครโมโซมเพศ หรือต่อมเพศไม่เจริญ ส่งผลให้ผู้ป่วยประสบปัญหาด้านสุขภาพหลายอย่าง ทั้งในด้านเจริญพันธุ์ กระดูก ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และสิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือ การเจริญเติบโตของร่างกาย สำหรับกรณีของพิงกี้นั้น เธอเกิดมาปกติเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่เมื่อเธออายุได้ 13 ปี เค้าลางความผิดปกติก็ปรากฏให้เห็น

          ตอนที่พิงกี้ถึงวัยเข้าเรียนมัธยมนั้น โมฮาน และ ภัควตี พ่อแม่ของเธอ เริ่มสังเกตได้ว่าลูกสาวของพวกเขาแตกต่างไปจากเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ พวกเขาพบว่าพิงกี้ไม่โตขึ้นเลย เธอเป็นคนตัวเล็ก สูงแค่ 142 เซนติเมตร หนัก 31.7 กิโลกรัม และเมื่อเวลาผ่านไป ความกังวลใจของพ่อแม่ก็เพิ่มขึ้น เพราะตามปกติแล้ว วัยรุ่นหญิงในวัยนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงตามวัยที่เห็นได้ชัดมาก ทั้งทรวดทรงองค์เอว และการมีประจำเดือน


          ด้วยเหตุนี้ โมฮานและภัควตี จึงตัดสินใจพาพิงกี้ ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยแพทย์พบว่าโครโมโซม X ของเธอหายไป นั่นหมายความว่าเธอจะไม่โตขึ้น ร่างกายของเธอจะไม่มีวันพัฒนาเข้าสู่วัยหนุ่มสาว และลืมเรื่องการมีลูกไปได้เลย เพราะเธอจะไม่มีประจำเดือน

          "ตอนที่ฉันยังเด็ก ร่างกายของฉันก็ปกติดีเหมือนคนอื่น ๆ ฉันมีความสุข ร่าเริงสดใสตามวัยของฉัน แต่แล้วในวันหนึ่ง ฉันไปพบแฟ้มสีน้ำเงินเล่มหนึ่งซ่อนเอาไว้ในบ้าน มันคือผลการตรวจร่างกายของฉัน พ่อแม่เอามันไปซ่อนไว้ เพราะพวกเขาช็อกมากที่รับรู้ว่าลูกสาวของพวกเขาเป็นอะไร และไม่สามารถทำใจยอมรับได้ แฟ้มนั้นหนามาก มีเอกสารเยอะ และเมื่ออ่านไปถึงหน้าสุุดท้าย มันมีรายละเอียดระบุว่าฉันไม่มีโครโมโซม X"


          "ตอนนั้นฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่ามันหมายความว่ายังไง มันแปลว่าฉันไม่ปกติเหรอ หรือแปลว่าฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิง ? มันทำให้ฉันตกใจมากเลยค่ะ มันเป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับได้ยากสุด ๆ และฉันก็ไม่กล้าเข้าไปถามพ่อแม่ว่าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ " พิงกี้ เล่าถึงวันที่เธอรับรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

           การที่พิงกี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กอายุ 13-14 ปี ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอในทุก ๆ ด้าน เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ ทุกครั้งที่พิงกี้ไปดูหนัง เข้าผับ หรือซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เธอจะต้องควักบัตรประชาชนออกมายืนยันว่าเธอไม่ใช่เด็ก ซึ่งหลาย ๆ คนก็ไม่เชื่อเธอ บ้างก็คิดว่าเป็นบัตรปลอม ตอนที่เธอไปสมัครงานเป็นครูนั้น เจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนคิดว่าเธอเป็นเด็กที่เข้ามาสมัครเรียน และเวลาที่เธอไปไหนมาไหนกับหลานชาย วัย 17 ปี คนอื่น ๆ จะคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา เพื่อน ๆ ของเขาที่โรงเรียนก็คิดว่าเธอกับเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน


         นอกจากจะใช้ชีวิตลำบากแล้ว สุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยจะดี เพราะกระดูกไม่แข็งแรง ทำให้เธอต้องดูแลรักษาตัวเองเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังตกเป็นที่ล้อเลียนของคนอื่น และถูกแซวมาตลอดชีวิต แม้ว่าบางครั้งคนที่แซวเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่พิงกี้ไม่ได้สนุกหรือตลกขบขันไปกับพวกเขาด้วย สิ่งเหล่านี้มันทำให้เธอเครียด เก็บกด ไม่มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเป็น และกลายเป็นโรคซึมเศร้า เธอจมอยู่กับความทุกข์เป็นปี ๆ ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากออกไปเจอใคร คิดว่าชีวิตนี้ตัวเองคงไม่มีทางได้เจอความรัก และคงไม่มีวันได้แต่งงาน

          "สมัยฉันเป็นวัยรุ่น เพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าฉันผิดปกติ พวกเขาดีกับฉันมาก และคิดว่าฉันแค่เป็นคนตัวเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็เหมือนถูกผลักออกไปนอกวง เพราะร่างกายของฉันไม่เคยเข้าสู่วัยสาว ฉันจึงไม่เคยมีประสบการณ์เหมือนพวกเธอ ทั้งขนาดหน้าอก รวมทั้งประจำเดือน ฉันเลยคุยกับพวกเธอไม่รู้เรื่อง แถมหลาย ๆ คนยังให้ฉันเรียกพวกเธอว่าพี่ และในวันแข่งกีฬาสี ฉันก็ได้ที่โหล่ตลอด"


ภาพจาก Pinky Bahroos

          "พอน้องสาวฉันแต่งงาน ฉันเหมือนถูกซัดด้วยคลื่นลูกใหญ่มาก มันไม่ใช่ว่าฉันไม่มีความสุขกับน้องสาวนะ ฉันยินดีที่เธอได้แต่งงาน แต่เมื่อมองดูตัวเอง ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่มีวันได้มีคู่ เหล่าป้า ๆ ก็เอาแต่ถามฉันว่ามีอะไรผิดปกติกับฉันหรือเปล่า ทำไมฉันถึงไม่มีแฟน ทำไมฉันถึงยังไม่หาสามี เพราะน้องสาวก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว ตอนนั้นฉันอ้ำอึ้งไปหมด พูดอะไรไม่ออก และก็ได้แต่ร้องไห้ คำถามพวกนั้นทำให้ฉันทั้งโกรธและรู้สึกแย่ ฉันกลายเป็นคนซึมเศร้า ไม่กินไม่นอน และไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว" พิงกี้ เล่าถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่เธอพบเจอ

          หลังเรียนจบ พิงกี้ได้งานเป็นเอเจนซี่ท่องเที่ยวและทำงานที่ดูไบ เธอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย และได้เจอผู้คนที่หลากหลาย เธอตัดสินใจลาออกและกลับบ้านเกิดหลังจากอยู่ที่นั่นได้ 12 ปี เนื่องจากปัญหาสุขภาพของเธอ โดยเฉพาะโรคกระดูกพรุน และเมื่อเวลาผ่านไป พิงกี้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับความแตกต่าง เริ่มยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น การเปลี่ยนมุมมองชีวิตครั้งนี้ มันทำให้พิงกี้รักตัวเองมากขึ้น และคิดว่าตัวเองโชคดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ในทุกวันนี้ เพราะเด็กที่ป่วยเป็นโรคเทอร์เนอร์ มักจะเสียชีวิตตั้งแต่กำเนิด มีโอกาสรอดชีวิตแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แม้ร่างกายของเธอจะไม่โต แต่ความคิดของเธอมันได้โตขึ้น ปัจจุบันพิงกี้อายุ 40 ปีแล้ว เธอทำงานเป็นครูสอนเด็ก ๆ อายุ 3-8 ขวบ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองวาโดดารา รัฐคุชราต ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย และเธอก็มีความสุขกับงานนี้มาก


          พิงกี้ เผยว่า การได้อยู่กับเด็ก  ๆ มันทำให้เธอได้เรียนรู้ความหมายของชีวิต และทำให้เธอมีความสุข เธอชื่นชอบการเล่านิทานและแต่งกลอนอธิบายความรู้สึกของตัวเอง และเธอก็ได้จับปากกาเขียนหนังสือบอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของเธอในฐานะคนป่วยโรคเทอร์เนอร์ ซึ่งกำลังจะวางแผนเร็ว ๆ นี้ เธอตื่นเต้นที่จะได้รับรู้กระแสตอบรับจากสังคมเกี่ยวกับหนังสือของเธอ พิงกี้หวังว่ามันจะเป็นหนังสือที่ให้ความรู้แก่ใครหลาย ๆ คน และทำให้สังคมเข้าใจภาวะความผิดปกตินี้มากขึ้น


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Pinky Bahroos

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูวัย 40 ถูกเข้าใจผิดว่าอายุ 14 เหตุป่วยโรคแปลก ร่างกายหยุดเวลาไว้ ไม่โตสักที อัปเดตล่าสุด 7 กันยายน 2561 เวลา 21:15:56 18,409 อ่าน
TOP