จากกรณีนายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ซึ่งถูกวิสามัญเสียชีวิตพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากขับรถยนต์กระบะแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และมีการเฉี่ยวชนรถของประชาชนที่จอดติดสัญญาณไฟแดง เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาพ่อนายชิษณุพงษ์ได้เคลื่อนศพไปบริเวณหน้าศาลาว่าการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น (อ่านข่าว : อดีตแฟนหนุ่มแหกด่านถูกวิสามัญ เผยคำสั่งเสีย ลาไปเคลียร์ปัญหา-ญาติแห่โลงจี้ไล่ ตร.)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 23 กันยายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปที่ นายชิษณุพงษ์ ขับรถพุ่งชนรถของประชาชนซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยกจนมีผู้บาดเจ็บหลายคน ก่อนที่จะถูกตำรวจวิสามัญดังกล่าว นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก Red Skull Z ได้เผยแพร่คลิปที่ นายอรุณ เครือจันทร์ พ่อของนายชิษณุพงษ์ ชักปืนขู่คนกลางสี่แยก เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของครอบครัวดังกล่าว
ด้าน นายอรุณ เครือจันทร์ พ่อนายชิษณุพงษ์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ได้ดูคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดแล้ว โดยที่ลูกชายขับฝ่าไฟแดงแล้วชนรถมอเตอร์ไซค์ ตนรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็เข้าใจลูกชายว่าจำเป็นต้องชน เพราะโดนไล่ยิงมา คงไม่มีใครที่ขับรถหนี แล้วเปิดไฟเลี้ยว หรือจอดรอสัญญาณไฟแดง เข้าใจว่าลูกชาย จะขับหลบแต่หลบไม่พ้น แต่ไม่ได้ตั้งใจขับชนและย้ำว่าลูกชายไม่ได้เป็นคนจิตใจโหดร้าย หากเป็นตนเองก็คงไม่จอด เพราะถ้าจอดก็โดนยิง
ส่วนเรื่องที่ไม่ได้ไปดูแล คนขับรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกชนนั้น ตนเพิ่งทราบเรื่องและได้โทร. ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว เพื่อสอบถามอาการผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นทราบว่า คนขับรถมอเตอร์ไซค์บาดเจ็บเล็กน้อย และออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยตำรวจจะนัดให้ไปเจอกับคนขับรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อพูดคุยตกลงเรื่องการเยียวยาและซ่อมรถ ซึ่งตนเองก็จะรับผิดชอบแทนลูกชาย
ขณะที่คลิปที่ตนเคยชักปืนขู่ ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ตนถูกวัยรุ่นขับปาดหน้า จึงลดกระจกถามว่า ทำไมถึงขับแบบนี้ ก่อนจะขับรถออกไป แต่กลับถูกปาดหน้าขวางรถ โดยมีวัยรุ่นเดินลงจากรถมา 2 คน ถือท่อนเหล็ก และถือขวดเครื่องดื่มชูกำลัง มุ่งตรงมาหาเรื่องถึงที่รถ ตนตะโกนห้ามก็ไม่ถอย จึงทำมือเหมือนหยิบปืน ทำให้วัยรุ่นตกใจหนีไปยอมรับว่าพกปืนจริงแต่มีใบอนุญาต ซึ่งคดีนี้ตนได้ไปจ่ายค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ตนกับลูกชายมีนิสัยใจร้อน ยอมรับว่ารู้สึกเฉย ๆ เพราะตนกับลูกชายเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำความผิด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
