x close

ศึกไผ่ทองไอศครีม ! แม่ยันลูกทำเหมือนฆ่าแม่ทั้งเป็น ลูกโต้ก๊อป ชี้คือมรดกที่พ่อให้

          ศึกไอศกรีมไผ่ทอง ! แม่-ลูก ต่างฝ่ายแจงเป็นหนังคนละม้วน ฝ่ายแม่ยันของลูกคือของปลอม เตรียมฟ้องดำเนินคดี ด้านลูกชายโต้ไม่ได้ก๊อป ชี้ตัวเองทำมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นสมบัติที่พ่อมอบให้ก่อนตาย
ศึกไผ่ทองไอศครีม

          วันที่ 27 กันยายน 2561 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานบทสัมภาษณ์ นางเฮี้ยง แซ่ซี อายุ 82 ปี เจ้าของธุรกิจไอศกรีมไผ่ทอง จากประเด็นดราม่าของจริง-ของปลอม โดยเจ้าตัวจะดำเนินการยื่นฟ้องร้องต่อนายบุญชัย ชัยผาติกุล ลูกชายตัวเอง หลังมีการผลิตไอศกรีมขายโดยใช้ชื่อเดียวกัน แต่ต่างกันที่ตัวสะกด คือของตัวเองเป็นตัวอักษร ส. และของลูกชายเป็นตัวอักษร ศ. รวมถึงโลโก้ด้วยที่ของตัวเองเป็นไม้มลายสีทองคล้ายต้นไผ่ แต่ของอีกฝ่ายเป็นรูปต้นไผ่สีทอง

ศึกไผ่ทองไอศครีม

          นางเฮี้ยง เปิดเผยว่า ตนรับได้ถ้านายบุญชัย ลูกชาย จะขายไอศกรีม แต่ต้องเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ อย่ามาทำเหมือนเป็นการฆ่าแม่ตัวเอง เพราะตนยังขายอยู่ ถ้าถามว่าตอนนี้ยังรักลูกคนนี้ไหม ตอนนี้ตนรู้สึกเฉย ๆ ส่วนหลานที่เป็นลูกของเขา 2 คน ตนยังรักและคิดถึงเหมือนเดิม เพราะเขาคือสายเลือดของตน

          ด้าน คุณรตา ชัยผาติกุล น้องสาวของนายบุญชัย เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวที่เริ่มจากการแยกตัวไปของนายบุญชัย ซึ่งเป็นพี่ชาย ตั้งแต่ปี 2538 ตอนแรกรู้ว่าเขาทำธุรกิจขายรถ แต่เพิ่งมารู้ว่าทำธุรกิจขายไอศกรีมด้วย หลังจากได้รับร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีไอศกรีมยี่ห้อหนึ่งใช้ชื่อเดียวกัน แต่รสชาติต่างกัน โดยเขาเอาเทคนิคและสูตรต่าง ๆ ของตระกูลไปทำเป็นของตัวเอง การที่พี่ชายทำแบบนี้เหมือนเป็นการทำร้ายแม่ตัวเอง ทำลายธุรกิจที่พ่อและแม่สร้างมาเองกับมือ

ศึกไผ่ทองไอศครีม

          นอกจากนี้ ยังพบว่ามีน้องสาวอีกคนหนึ่งมีการปลอมลายเซ็นแม่ไปใช้ทำธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์ร่วมกับนายบุญชัย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างแต่งตั้งทนายความดำเนินการฟ้องร้อง

          ขณะที่ นายบุญชัย ชัยผาติกุล ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ธุรกิจไอศกรีมไผ่ทองคือมรดกที่ตนได้รับจากพ่อ ครอบครัวตนมีลูก 8 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 6 คน พี่คนโตเป็นผู้ชายได้มรดกเป็นธุรกิจค้าเหล็ก โดยเขาเป็นคนเลือกเองตอนที่พ่อให้เลือก ตนซึ่งเป็นลูกชายคนรอง จึงได้รับมรดกเป็นธุรกิจไอศกรีมไผ่ทองนี้ ตนทำมาตั้งแต่ปี 2537 จนเจริญรุ่งเรือง แต่พอปี 2538 ตนมีปัญหากับคนในครอบครัว ตนถูกให้ออกจากบ้าน ตนจึงมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์ ควบคู่กับการทำไอศกรีมด้วย โดยการสานต่อจากพ่อทั้งสูตรและโลโก้

ศึกไผ่ทองไอศครีม

          ตนยืนยันว่าไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร ที่แบรนด์ตนใช้ ศ. เพราะคำว่าไอศกรีมเป็นคำทับศัพท์จะใช้ ศ. หรือ ส. ก็ได้ ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่เปลี่ยนชื่อไผ่ทองแน่นอน เพราะตนเป็นคนทำมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่ สำหรับทางแม่จะมีการฟ้องร้องนั้น ตนก็ยินดี เพราะอยากให้เรื่องนี้มีผู้ตัดสิน ซึ่งหากศาลสั่งให้ตนต้องเปลี่ยน ตนก็ยินดีเปลี่ยนตามคำสั่งศาล

          นายบุญชัย กล่าวต่อว่า เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นในตระกูลตนนั้น เป็นเหมือนแผลพุพองและอักเสบ เมื่อแผลแตกก็มีหนองไหลออกมาก็ต้องหาหมอรักษา เหมือนตอนนี้ที่เกิดปัญหาบาดหมางได้แตกออกมาขึ้นสู่ชั้นศาลแล้ว ตอนนี้ตนยอมรับว่ามีเสียใจและน้ำตาตกในเรื่องความบาดหมางระหว่างแม่แท้ ๆ ตนยืนยันว่ายังรักและเคารพแม่อยู่ แม้ว่าแม่จะฟ้องร้องที่ไม่ใช่แค่ให้เปลี่ยนชื่อแบรนด์ แต่มีการเรียกค่าเสียหายด้วยถึง 30 ล้านบาท

          สำหรับประเด็นการปลอมแปลงลายเซ็นแม่นั้น ตนไม่รู้เรื่อง เพราะน้องสาวที่มาทำธุรกิจร่วมด้วยนั้น ได้บอกกับตนว่าแม่มาขอร่วมลงทุนด้วยเอง และแม่เป็นคนให้จับมือเซ็น จึงไม่ได้เป็นการปลอมแปลงแต่อย่างใด

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ศึกไผ่ทองไอศครีม ! แม่ยันลูกทำเหมือนฆ่าแม่ทั้งเป็น ลูกโต้ก๊อป ชี้คือมรดกที่พ่อให้ อัปเดตล่าสุด 28 กันยายน 2561 เวลา 14:15:57 137,893 อ่าน
TOP