เพื่อนบ้านเล่าชัด แม่น้องไทเกอร์คลุ้มคลั่ง-เคยทุบตีลูก ชี้เคยบอก จะทำให้ผัวอกแตกตาย

 

              เพื่อนบ้านเผย แม่น้องไทเกอร์คลุ้มคลั่ง พาลูกออกจากบ้านกลางดึก กลับมาตัวเปล่า แต่กลับมาอ้างว่าฝากลูกกับตน ด้านคนเฝ้าห้องน้ำที่สถานีรถไฟ เผยพบเห็นก่อนเกิดเหตุ ไม่คิดจะฆ่าลูกได้ลงคอ

            สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี  รายงานว่า ทีมผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน ที่พบเห็น นางรุ่งทิพย์ และ น้องไทเกอร์ ในช่วงเวลาก่อนที่น้องไทเกอร์จะเสียชีวิต โดย นายเชิดชัย อุดมทรัพย์ หรือ กบ คนเฝ้าห้องน้ำประจำสถานีรถไฟภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เล่าว่า ในวันที่ 14 ตุลาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ตนเห็นนางรุ่งทิพย์และลูกชาย นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างป้อมตำรวจ ไม่ไกลจากห้องน้ำของสถานี สังเกตเห็นว่านางรุ่งทิพย์ไม่มีอะไรให้ลูกกิน นอกจากน้ำเปล่าขวดเล็กเพียงขวดเดียว ตนไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะนางรุ่งทิพย์มีลักษณะท่าทางคล้ายคนเมา ดูหงุดหงิด เครียด และไม่พูดคุยกับใคร

            ในเวลาต่อมา นางรุ่งทิพย์ได้พาลูกไปนั่งอุจจาระบนพื้นข้างห้องน้ำ ตนจึงเข้าไปห้าม เพราะกลัวว่าจะสกปรก และบอกไปว่า เดี๋ยวตำรวจจะมาว่าเอา เมื่อนางรุ่งทิพย์ได้ยินแบบนั้นก็มีท่าทางหัวเสีย เอากางเกงลูกไปยัดทิ้งในบ่อของเสียหลังป้อมตำรวจ และพาลูกเดินโทง ๆ จากไป โดยไม่มีอะไรสวมใส่ท่อนล่าง เพราะได้ทิ้งกางเกงลูกไปแล้ว

            นายเชิดชัย เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ตนก็ไม่เห็นนางรุ่งทิพย์และลูกอีก และไม่รู้ว่าเดินไปตามทางรถไฟหรือไม่ พอได้ยินข่าวว่ามีเด็กเสียชีวิต ตอนแรกตนไม่คิดว่าเป็นคนรู้จักหรือเคยเจอมาก่อน พอมารู้ทีหลัง ตนรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก รู้สึกเหมือนพูดอะไรไม่ออก เพราะก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้เอะใจอะไร ไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงฆ่าลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ


            ทางด้าน นางระเบียบ คำวอน แม่ค้าร้านของชำ ในพื้นที่ร้านค้าริมถนนภาชี-ท่าเรือ บริเวณตรงข้ามกับซอยทางเข้าทุ่งนา จุดที่พบศพน้องไทเกอร์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลาราว 08.20 น. ตนพบเห็นนางรุ่งทิพย์เดินข้ามถนนมาที่ร้านของตน สภาพเนื้อตัวเปื้อนโคลน บริเวณศีรษะและร่างกายมีบาดแผลถลอก มีเลือดออก และไม่สวมรองเท้า ตนพยายามถามว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงมีสภาพเละเทะแบบนี้


            นางระเบียบ เล่าอีกว่า ตนมั่นใจว่านางรุ่งทิพย์ เป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่เคยมานั่งในร้านตนเมื่อประมาณปีที่แล้ว โดยครั้งนั้น นางรุ่งทิพย์เดินมาตามถนน เข้ามานั่งที่ร้านและบอกว่าอยากกินเบียร์ ตนถามไปว่ามีเงินหรือไม่ ซึ่งนางรุ่งทิพย์ก็บอกว่าไม่มีเงิน ตนเลยบอกไปว่า ถ้าไม่มีเงินก็กินไม่ได้ เพราะเป็นของซื้อของขาย พอนางรุ่งทิพย์ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร นั่งเล่นต่อไปสักพัก แล้วก็เดินจากไป


            ทั้งนี้หลังจากได้ยินข่าวว่ามีเด็กเสียชีวิตในทุ่งนาใกล้ ๆ ตนก็รู้สึกสงสารเด็กจนนอนไม่หลับ ตนคิดว่า ถ้ามีคนมาบอกตนว่ามีเด็กหายในวันที่ 16 ตุลาคม ตนอาจเข้าไปช่วยชีวิตเด็กได้ทัน เพราะได้เจอกับแม่เด็กแล้ว

            หลังจากนั้น ทีมผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังงานศพของน้องไทเกอร์ ที่วัดสลักเหนือ ซึ่งจะมีการสวดอภิธรรมศพเป็นคืนแรก ในเวลา 19.00 น. โดย นายบุญมี ศรีคง พ่อของน้องไทเกอร์ เปิดเผยว่า ผลการชันสูตรระบุว่า น้องไทเกอร์ขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ และไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ตนได้ถามนางรุ่งทิพย์ ภรรยา ว่าได้ทำลูกหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวไม่ยอมรับ พูดจาวกวนเหมือนคนมีอาการทางจิต แต่ตนก็คิดว่าภรรยาน่าจะเป็นคนทำ


            ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านเคยเล่าให้ฟังว่าพบเห็นนางรุ่งทิพย์ทำร้ายลูก ซึ่งตนไม่เชื่อเพราะไม่ได้เห็นกับตา แต่ตนก็มองว่าภรรยาอาจจะไม่กล้าตีลูกให้ตนเห็น เพราะตนรักลูกมาก ยอมรับว่าภรรยาติดเหล้าจริง และถ้าหากนางรุ่งทิพย์จะเข้ามาขอขมาลูก ตนก็ยินดี

            นายบุญมี เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตนและนางรุ่งทิพย์มีลูกด้วยกันมาแล้ว 1 คน ชื่อน้องไทตั้น แต่ได้เสียชีวิตตอนอายุแค่ 3 เดือน โดยในวันเกิดเหตุ ตนกลับบ้านมาในตอนเย็น พบเห็นลูกและภรรยานอนหลับอยู่ด้วยกัน ตนจึงเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนั้นตนก็เข้าไปจับดูตัวลูก พบว่าแน่นิ่งไป จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งพอไปถึง หมอก็บอกว่าลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว


            ทั้งนี้นายบุญมีไม่คิดว่าภรรยามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องไทตั้น เพราะผลชันสูตรระบุว่าน้องไทตั้นจากไปเพราะหัวใจล้มเหลว ซึ่งตนก็รู้ดีว่าสุขภาพลูกชายคนนี้ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เกิด ตอนคลอดก็คลอดเองที่บ้าน และต้องเข้าตู้อบที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน อีกทั้งตอนนั้นภรรยายังไม่ได้มีอาการติดเหล้า

            ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเช่าในซอยติวานนท์ 34 จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่น้องไทเกอร์เคยอาศัยอยู่ โดย นางน้ำค้าง หลิมสกุล เพื่อนบ้าน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในคืนวันที่ 13 ตุลาคม เวลาใกล้ ๆ เที่ยงคืน ตนเห็นนางรุ่งทิพย์อุ้มน้องไทเกอร์ออกมาจากห้องพัก ท่าทางคลุ้มคลั่ง พูดคนเดียว บอกว่าทะเลาะกับสามีและถูกสามีทำร้าย จึงอยากกลับบ้านที่ จ.สุรินทร์ แต่ตนรู้ว่าไม่จริง เพราะตอนนั้นสามีของนางรุ่งทิพย์ไม่อยู่บ้าน ตนจึงได้ห้ามไว้และบอกให้กลับบ้าน ซึ่งนางรุ่งทิพย์ก็รับฟังและเข้าบ้านไป


            แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตนเห็นนางรุ่งทิพย์เดินจูงน้องไทเกอร์ออกมาอีกครั้ง โดยสะพายกระเป๋า 1 ใบ ถือถุง 1 ถุง และมีกระเป๋านักเรียนของน้องไทเกอร์ เดินออกไปทางปากซอยโดยไม่ได้พูดอะไร ตนพยายามห้ามอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง ตนจึงโทร. ไปบอกนายบุญมี ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 10 นาที นายบุญมีก็กลับมาบ้าน และได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตามหา แต่ก็ไม่พบ

            จนกระทั่งวันที่ 16 ตุลาคม นางรุ่งทิพย์กลับบ้านมาคนเดียว ท่าทางไม่ค่อยมีสติ เดินถามหาน้องไทเกอร์อยู่ในซอย พอนายบุญมีเห็นเข้า ก็ถามไปว่า "แล้วลูกล่ะ อยู่ที่ไหน" นางรุ่งทิพย์ก็ชี้มาทางตน บอกสามีไปว่าฝากลูกเอาไว้กลับป้า พอตนได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจมาก เพราะตนพบเห็นนางรุ่งทิพย์พาลูกออกไปเองกับตา จะมาอยู่ที่ตนได้อย่างไร ทางตนและนายบุญมีพยายามสอบถามนางรุ่งทิพย์ว่าเกิดอะไรขึ้น และช่วยกันตามหาน้องไทเกอร์

            นางน้ำค้าง กล่าวว่า ตนได้ตะล่อมถามนางรุ่งทิพย์ไปเรื่อย ๆ จนนางรุ่งทิพย์ยื่นตั๋วรถไฟมาให้ ตนจึงโทร. ไปสอบถามที่สถานีรถไฟ และได้ไปแจ้งความ พอเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบภาพขณะนางรุ่งทิพย์พาลูกเดินออกไปจากสถานี และตนมาทราบข่าวว่าน้องไทเกอร์เสียชีวิตแล้ว

            ส่วนตัวเชื่อว่านางรุ่งทิพย์เป็นคนฆ่าลูก เพราะก่อนเกิดเหตุ ตนได้ยินเจ้าตัวพูดออกมาว่า "จะทำให้พ่อมันอกแตกตาย" และนางรุ่งทิพย์ก็เคยเมาแล้วทำร้ายลูกหลายครั้ง อีกทั้งก่อนหน้านี้นางรุ่งทิพย์กินเหล้าทุกวันไม่ขาด แต่พอหลังน้องไทเกอร์เสียชีวิต ก็กลับหยุดกินไปเฉย ๆ

            นางน้ำค้าง กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าน้องไทเกอร์ไปสบายแล้ว เพราะถ้ามีชีวิตอยู่ต่อก็เหมือนมีกรรม ส่วนน้องไทตั้น ลูกชายอีกคนที่เสียชีวิตไปตอนอายุ 3 เดือน ตนเชื่อว่านางรุ่งทิพย์คงเมา แล้วนอนทับลูกจนเสียชีวิต และหลังจากนี้ไม่อยากให้นางรุ่งทิพย์กลับมาอยู่ที่ห้องเช่าอีก เพราะไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก