สื่อนอกตีข่าว หนุ่มอังกฤษถูกจับ และอาจเจอคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน หลังพ่นสีใส่กำแพงประตูท่าแพ อ้างเมาและไม่รู้ว่าผิด ชาวเน็ตอังกฤษแห่เมนต์ ชี้สมควรแล้ว สร้างความขายหน้าให้ประเทศ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยในเวลาประมาณ 04.00 น. นายลี และ น.ส.บริทนีย์ เดินเท้ากลับห้องพัก หลังจากไปเที่ยวกลางคืน และดื่มเหล้ากันมาจนเมามาย นายลีพบเห็นกระป๋องสีตกอยู่บนพื้น จึงหยิบขึ้นมาพ่นบนกำแพง เป็นคำว่า Scousse Lee ซึ่งเป็นการสะกดผิด จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะสื่อว่า Scouser Lee เพราะเขาเป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล
คำว่า สเกาเซอร์ หรือ สเกาซ์ เป็นชื่อเรียกสำเนียงภาษาอังกฤษที่พูดกันในแถบเมอร์ซีย์ไซด์ และเป็นชื่อเรียกผู้คนที่นั่นด้วยเช่นกัน เมื่อนายลีพ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว น.ส.บริทนีย์ ก็ได้หยิบมาพ่นต่อเป็นตัวอักษร B ซึ่งเป็นชื่อย่อของเธอ
ภาพผลงานกราฟิตี้ของทั้งสอง ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเมืองเชียงใหม่เป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมทั้งสองได้ในที่สุด และได้พาไปทำแผนประกอบคำสารภาพ พร้อมแจ้งข้อหา กระทำการอันเป็นผลให้โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้วเสียหาย หรือเสื่อมค่า ตามมาตรา 32 พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่ออังกฤษหลาย ๆ สำนัก หยิบยกไปรายงาน ตั้งแต่สำนักข่าวรอยเตอร์ส เดอะ เทเลกราฟ เดอะ การ์เดี้ยน ไปจนถึงลิเวอร์พูลเอคโค่ ซึ่งเป็นสำนักข่าวท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูล ทางด้านเดลี่เมล ได้รายงานว่า นางมิเชล เฟอร์ลอง แม่ของนายลี ได้รับทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว เธอและครอบครัวรู้สึกหน้าชาและอับอายขายหน้ากับการกระทำของนายลีเป็นอย่างยิ่ง แต่ครอบครัวก็เป็นห่วงเขาอย่างมากด้วยเช่นกัน เพราะผลจากการกระทำครั้งนี้ ทำให้เขาต้องติดคุก
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตทางฝั่งอังกฤษที่ได้อ่านข่าวนี้ ต่างก็มองว่าสิ่งที่นายลีได้รับนั้นสมควรแล้ว เพราะมันเป็นการกระทำที่โง่เง่า เขาเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนต่างชาติ ดังนั้นเขาควรให้ความเคารพกับสถานที่และวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ การกล่าวอ้างว่าไม่รู้ว่ามันผิด เป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น
ชาวเน็ตรายหนึ่งจากกิลด์ฟอร์ดให้ความเห็นว่า "ติดคุกแค่ 10 ปี เองเหรอ ?" ส่วนอีกคนจากโคเวนทรี กล่าวว่า "ช่างเป็นการกระทำที่นำพาความอับอายขายหน้ามาให้ประเทศชาติเสียจริง ๆ" ขณะที่อีกคนจากเออร์วิน ชี้ว่า "ทำไมศาลอังกฤษไม่ตัดสินโทษแรง ๆ ให้พวกคนที่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้บ้างนะ"
ต้องมารับโทษร้ายแรงเพราะการทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ ... ในฐานะคนเป็นพ่อ ผมเข้าใจหัวอกแม่ของพ่อหนุ่มนี่เป็นอย่างดี แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็คือ พ่อแม่รังแกฉัน พ่อแม่สมัยนี้โอ๋ลูกมาก ปกป้องลูกเกินเหตุ และไม่สั่งสอนพวกเขาให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เพราะถ้าครอบครัวสั่งสอนมาอย่างเข้มงวด อะไรแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้น
ดีแล้ว ขอให้เด็กนี่โดนโทษเต็ม 10 ปี ไปเลย แต่เดี๋ยวสักพัก พวกองค์กรอะไรต่าง ๆ ที่นี่จะออกมาปกป้องเขา บอกว่าเด็กนี่มีชีวิตวัยเด็กที่แย่ และต้องการความช่วยเหลือ
ทางด้านชาวเน็ตรายนี้ กล่าวอย่างใจร้ายว่า "ไม่ต้องกลับมานะ ประเทศชาติไม่ต้องการนาย" ส่วนอีกคนเสริมเรื่องบทลงโทษว่า "ดีแล้ว ! มันช่างเป็นการกระทำที่ไร้สมอง และไร้ซึ่งความเคารพสถานที่ ขอให้มีความสุขในตะราง"
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 สำนักข่าวบีบีซี ได้นำเสนอข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุมตัว นายลี เฟอร์ลอง ชายหนุ่มชาวอังกฤษ อายุ 23 ปี และ น.ส.บริทนีย์ ชไนเดอร์ หญิงสาวชาวแคนาดา วัย 23 ปี หลังจากเอาสีสเปรย์ไปฉีดพ่นกำแพงเมืองลานประตูท่าแพ ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ อายุร่วม 800 ปี กล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง บันทึกภาพการกระทำของทั้งสองเอาไว้ได้อย่างชัดเจน และเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถติดตามจับกุมทั้งสองได้ที่เกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยทั้งคู่ยอมรับสารภาพในความผิดของตนเอง และอ้างว่าไม่รู้ว่าการพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพง เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยในเวลาประมาณ 04.00 น. นายลี และ น.ส.บริทนีย์ เดินเท้ากลับห้องพัก หลังจากไปเที่ยวกลางคืน และดื่มเหล้ากันมาจนเมามาย นายลีพบเห็นกระป๋องสีตกอยู่บนพื้น จึงหยิบขึ้นมาพ่นบนกำแพง เป็นคำว่า Scousse Lee ซึ่งเป็นการสะกดผิด จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะสื่อว่า Scouser Lee เพราะเขาเป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล

ภาพจาก pattayaone.news
ภาพผลงานกราฟิตี้ของทั้งสอง ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเมืองเชียงใหม่เป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมทั้งสองได้ในที่สุด และได้พาไปทำแผนประกอบคำสารภาพ พร้อมแจ้งข้อหา กระทำการอันเป็นผลให้โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้วเสียหาย หรือเสื่อมค่า ตามมาตรา 32 พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางมิเชล ยังอ้างอีกว่า สาเหตุที่ลูกชายทำแบบนั้น อาจเป็นเพราะความผิดปกติทางสมอง เพราะเขามีเนื้องอกในสมอง และเคยเป็นลมชักมาแล้วหลายครั้ง สมองจึงอาจสั่งการผิดปกติ จนนำไปสู่การกระทำที่ขาดความยั้งคิด

ภาพจาก dailymail.co.uk
ชาวเน็ตรายหนึ่งจากกิลด์ฟอร์ดให้ความเห็นว่า "ติดคุกแค่ 10 ปี เองเหรอ ?" ส่วนอีกคนจากโคเวนทรี กล่าวว่า "ช่างเป็นการกระทำที่นำพาความอับอายขายหน้ามาให้ประเทศชาติเสียจริง ๆ" ขณะที่อีกคนจากเออร์วิน ชี้ว่า "ทำไมศาลอังกฤษไม่ตัดสินโทษแรง ๆ ให้พวกคนที่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้บ้างนะ"

ภาพจาก dailymail.co.uk
ต้องมารับโทษร้ายแรงเพราะการทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ ... ในฐานะคนเป็นพ่อ ผมเข้าใจหัวอกแม่ของพ่อหนุ่มนี่เป็นอย่างดี แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็คือ พ่อแม่รังแกฉัน พ่อแม่สมัยนี้โอ๋ลูกมาก ปกป้องลูกเกินเหตุ และไม่สั่งสอนพวกเขาให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เพราะถ้าครอบครัวสั่งสอนมาอย่างเข้มงวด อะไรแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้น

ภาพจาก dailymail.co.uk
ดีแล้ว ขอให้เด็กนี่โดนโทษเต็ม 10 ปี ไปเลย แต่เดี๋ยวสักพัก พวกองค์กรอะไรต่าง ๆ ที่นี่จะออกมาปกป้องเขา บอกว่าเด็กนี่มีชีวิตวัยเด็กที่แย่ และต้องการความช่วยเหลือ

ภาพจาก dailymail.co.uk
ทางด้านชาวเน็ตรายนี้ กล่าวอย่างใจร้ายว่า "ไม่ต้องกลับมานะ ประเทศชาติไม่ต้องการนาย" ส่วนอีกคนเสริมเรื่องบทลงโทษว่า "ดีแล้ว ! มันช่างเป็นการกระทำที่ไร้สมอง และไร้ซึ่งความเคารพสถานที่ ขอให้มีความสุขในตะราง"