ตำรวจอินโดนีเซียจับแก๊งวัยรุ่น หลังผุดเทรนด์ฮิตดื่มน้ำต้มผ้าอนามัย ให้มึนเมาแทนดื่มเหล้า หรือเสพยา หลังไม่มีเงินซื้อ ผู้เชี่ยวชาญเตือนอันตรายมาก
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เผยรายงานชวนอึ้งระบุว่า กลุ่มวัยรุ่น ที่ประเทศอินโดนีเซีย กำลังมีเทรนด์ฮิตที่น่าตกใจและไม่คาดคิด คือ การนำผ้าอนามัยไปต้มน้ำดื่ม เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา แทนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสพยา เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่น้อย
ตามรายงานท้องถิ่น อ้างอิงโดย หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเด็กอินโดนีเซีย ระบุว่า วิธีการต้มน้ำดื่มจากผ้าอนามัย เป็นวิธีการใหม่ของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการจะมึนเมา แต่ไม่มีเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด โดยพวกวัยรุ่นไปสืบค้นตามอินเทอร์เน็ต แล้วนำวิธีการมาดัดแปลง จนพบว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัด และได้ผลเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีที่อันตราย โดยนักวิจัยเคมีของสถาบันเทคโนโลยีเมืองบันดุง ในเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เผยว่า ในผ้าอนามัยมีสารพอลิเมอร์ซึมซับสูง หรือ Superabsorbent polymers (SAP) ที่จะมีผลร้ายต่อดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปต้มและดื่มบริโภค โดยวัยรุ่นในหลายพื้นที่นิยมใช้วิธีการดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ทั้งในกรุงจาการ์ตา, เมืองโบโกร์, เบกาซี, เดปก และทังเกอรัง
โดยรายงานของเว็บไซต์ เดอะจาการ์ตาโพสต์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงจาการ์ตา และอีกหลายเมือง สามารถจับกลุ่มวัยรุ่นได้จำนวนมากที่กระทำการดังกล่าว โดยรายงานระบุว่า มีบางรายใช้ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วที่เก็บได้จากถังขยะ มาต้มแล้วดื่มน้ำที่ได้
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ มีวิธีการดังกล่าวมาประมาณ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนต้นคิด และยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้อย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เผยรายงานชวนอึ้งระบุว่า กลุ่มวัยรุ่น ที่ประเทศอินโดนีเซีย กำลังมีเทรนด์ฮิตที่น่าตกใจและไม่คาดคิด คือ การนำผ้าอนามัยไปต้มน้ำดื่ม เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา แทนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสพยา เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่น้อย
ตามรายงานท้องถิ่น อ้างอิงโดย หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเด็กอินโดนีเซีย ระบุว่า วิธีการต้มน้ำดื่มจากผ้าอนามัย เป็นวิธีการใหม่ของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการจะมึนเมา แต่ไม่มีเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด โดยพวกวัยรุ่นไปสืบค้นตามอินเทอร์เน็ต แล้วนำวิธีการมาดัดแปลง จนพบว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัด และได้ผลเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีที่อันตราย โดยนักวิจัยเคมีของสถาบันเทคโนโลยีเมืองบันดุง ในเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เผยว่า ในผ้าอนามัยมีสารพอลิเมอร์ซึมซับสูง หรือ Superabsorbent polymers (SAP) ที่จะมีผลร้ายต่อดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปต้มและดื่มบริโภค โดยวัยรุ่นในหลายพื้นที่นิยมใช้วิธีการดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ทั้งในกรุงจาการ์ตา, เมืองโบโกร์, เบกาซี, เดปก และทังเกอรัง
โดยรายงานของเว็บไซต์ เดอะจาการ์ตาโพสต์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงจาการ์ตา และอีกหลายเมือง สามารถจับกลุ่มวัยรุ่นได้จำนวนมากที่กระทำการดังกล่าว โดยรายงานระบุว่า มีบางรายใช้ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วที่เก็บได้จากถังขยะ มาต้มแล้วดื่มน้ำที่ได้
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ มีวิธีการดังกล่าวมาประมาณ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนต้นคิด และยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้อย่างจริงจัง