โรงพยาบาลพระราม 2 ยันไม่ได้ปฏิเสธรักษาสาวเหยื่อสาดน้ำกรด พาชี้จุดห้องฉุกเฉินที่คนไข้วิ่งมาขอความช่วยเหลือ - วงจรปิดหอพักจับภาพนาทีผัวหึงโหดสาดน้ำกรดเมีย วิ่งหนีหน้าตาตื่น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ความคืบหน้ากรณี เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน 2561) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาลูกสาวและครอบครัวของ นางช่อลัดดา ทาระวัน ผู้เสียชีวิต จากการถูกสามีสาดน้ำกรด ใส่ขณะนอนหลับในห้อง เดินทางเข้าร้องเรียนต่อโรงพยาบาลพระราม 2 เนื่องจากถูกปฏิเสธให้การรักษา เป็นเหตุให้นางช่อลัดดา เสียชีวิต ทว่าการเจรจายังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากเกิดการปะทะคารมกันรุนแรงระหว่างนายอัจฉริยะ และนายแพทย์พีระ คณานุวัฒน์ ที่ปรึกษาแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล เสียก่อน เพราะทางโรงพยาบาลยืนยันว่าตอนผู้เสียชีวิตมาถึงโรงพยาบาลอาการยังไม่ฉุกเฉิน คุยโต้ตอบได้ และยืนยันว่าจะไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีบัตรทองเอง (อ่านข่าว : อัจฉริยะ VS รพ.พระราม 2 ซัดกันนัว แจงถูกน้ำกรดสาดดับ คนไข้อยากไปรักษาที่อื่นเอง)
ขณะที่ตัวลูกสาวผู้เสียชีวิตวัย 12 ปี ซึ่งเป็นผู้พาแม่เดินทางมาโรงพยาบาลพระราม 2 ยืนยันว่า แม่ของตนอาการสาหัส และเริ่มทรุดตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลพระราม 2 แล้ว ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : จากปากลูกสาว เหยื่อสาดน้ำกรดแต่ รพ. ไม่รักษาจนตาย สะอื้นไห้แม่ทรุดต่อหน้า)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันเดียวกัน รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายแพทย์พีระ คณานุวัฒน์ ที่ปรึกษาแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล หลังการเจรจายุติ เปิดเผยยืนยันว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการปฏิเสธรักษาคนไข้ ซึ่งวันเกิดเหตุตนได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยถูกสาดน้ำกรดมาที่โรงพยาบาล โดยยังสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ จึงประเมินให้ผู้ป่วยแอดมิตที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อ ก่อนพบว่ามีสิทธิผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาลบางมด ที่อยู่ห่างไป 2 กิโลเมตร ทางพยาบาลจึงสอบถามคนไข้ว่ามีความประสงค์จะไปรักษาที่โรงพยาบาลตามที่มีสิทธิหรือไม่ พร้อมชี้แจงว่าหากรักษาที่นี่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทางคนไข้ก็ยืนยันว่าจะไป ทางพยาบาลจึงเรียกแท็กซี่ให้พร้อมให้เงินช่วยไป 40 บาท เนื่องจากเกรงว่าถ้ารอรถโรงพยาบาลบางมดมารับ อาจต้องใช้เวลานาน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่มีอาการทรุดที่โรงพยาบาล และตอนนั้นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินก็ไม่ทราบว่าคนไข้ถูกกรอกน้ำกรดใส่ปาก เพราะยังพูดคุยได้ ไม่มีแผลหรือรอยแดงที่ปาก และชีพจรปกติ จึงได้ประเมินผู้ป่วยไม่ฉุกเฉิน จึงอยากให้มองเป็น 2 ด้าน ถ้าเรื่องนี้โรงพยาบาลพระราม 2 รักษาผู้ป่วยจนหาย อาจจะถูกกล่าวหาว่าเหตุใดจึงไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลตามสิทธิ เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม อีกด้านพอคนไข้เสียชีวิต ก็ถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงปล่อยผู้ป่วยหนักออกจากโรงพยาบาล จึงอยากขอความเป็นธรรมให้โรงพยาบาลพระราม 2 ด้วย
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
นายแพทย์พีระ พาผู้สื่อข่าวตรวจสอบภายในห้องฉุกเฉิน พร้อมพาดูทางเข้าและทางออก จุดที่ผู้เสียชีวิตเดินเข้ามาจากทางประตูด้านหลังห้องฉุกเฉิน เนื่องจากวันนั้นประตูห้องฉุกเฉินปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ทั้งหมด
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่ นางหนึ่ง (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าตึกเดียวกับนางช่อลัดดา เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 5 ตนตื่นมาเตรียมจะอาบน้ำไปทำงาน ตนได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันไดลักษณะเร่งรีบ พร้อมกับเห็นว่ามีการปาแก้วน้ำทิ้งที่ช่องว่างข้างบันได ซึ่งในแก้วมีควันพุ่งออกมา มารู้ภายหลังว่าคือน้ำกรด ตอนนั้นตนก็วิ่งตามมาดูแต่ไม่เจอใครแล้ว พบเพียงลูกชายของนายคำตัน ผู้ก่อเหตุ จึงได้ถามว่าเกิดอะไร ลูกนายคำตันบอกว่าน้าซึ่งคือนางช่อลัดดา ถูกน้ำร้อนลวก รีบไปโรงพยาบาล ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร ซึ่งปกติแล้วตนมักได้ยินผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันบ่อย ๆ ยิ่ง 3-4 เดือนก่อนเกิดเหตุ ได้ยินทะเลาะรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืน ตัวผู้ชายมักดุด่าลักษณะคล้ายหึงหวง ด่าผู้เสียชีวิตว่าเลิกงานต้องรีบกลับบ้าน ไม่ให้ไปกินเลี้ยงที่ไหน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน นายแทน (นามสมมติ) เจ้าของแท็กซี่ที่นายคำตัน ผู้ก่อเหตุ เช่าขับ เปิดเผยว่า เท่าที่รู้จักกับนายคำตัน มองว่าเป็นคนดี เช่ารถตนได้ 3 เดือน ไม่เคยมีปัญหา เป็นคนใจเย็น ไม่เคยเห็นทะเลาะกับใคร รักษารถ และจ่ายเงินตรงเวลาตลอด แต่มาเอะใจวันที่เกิดเหตุ ที่นายคำตันนำเงินมาฝากไว้กับคนที่บ้าน ไม่ได้เอามาให้กับตน ก่อนจะมารู้ข่าวว่าก่อเหตุทำร้ายเมียตัวเอง ตนก็ตกใจมาก
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยบริเวณตึกที่ห่างจากหอพักที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พบว่าช่วงเวลา 05.21 น. นายคำตัน วิ่งออกไปทางปากซอยอย่างเร่งรีบ สวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะพบว่านางช่อลัดดา และลูกสาว จูงมือกันมากึ่งเดินกึ่งวิ่ง ออกไปที่ปากซอยเช่นกัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายคำตัน สิงหนาท ได้แล้ว หลังหลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ความคืบหน้ากรณี เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน 2561) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาลูกสาวและครอบครัวของ นางช่อลัดดา ทาระวัน ผู้เสียชีวิต จากการถูกสามีสาดน้ำกรด ใส่ขณะนอนหลับในห้อง เดินทางเข้าร้องเรียนต่อโรงพยาบาลพระราม 2 เนื่องจากถูกปฏิเสธให้การรักษา เป็นเหตุให้นางช่อลัดดา เสียชีวิต ทว่าการเจรจายังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากเกิดการปะทะคารมกันรุนแรงระหว่างนายอัจฉริยะ และนายแพทย์พีระ คณานุวัฒน์ ที่ปรึกษาแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล เสียก่อน เพราะทางโรงพยาบาลยืนยันว่าตอนผู้เสียชีวิตมาถึงโรงพยาบาลอาการยังไม่ฉุกเฉิน คุยโต้ตอบได้ และยืนยันว่าจะไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีบัตรทองเอง (อ่านข่าว : อัจฉริยะ VS รพ.พระราม 2 ซัดกันนัว แจงถูกน้ำกรดสาดดับ คนไข้อยากไปรักษาที่อื่นเอง)
ขณะที่ตัวลูกสาวผู้เสียชีวิตวัย 12 ปี ซึ่งเป็นผู้พาแม่เดินทางมาโรงพยาบาลพระราม 2 ยืนยันว่า แม่ของตนอาการสาหัส และเริ่มทรุดตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลพระราม 2 แล้ว ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : จากปากลูกสาว เหยื่อสาดน้ำกรดแต่ รพ. ไม่รักษาจนตาย สะอื้นไห้แม่ทรุดต่อหน้า)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันเดียวกัน รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายแพทย์พีระ คณานุวัฒน์ ที่ปรึกษาแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล หลังการเจรจายุติ เปิดเผยยืนยันว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการปฏิเสธรักษาคนไข้ ซึ่งวันเกิดเหตุตนได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยถูกสาดน้ำกรดมาที่โรงพยาบาล โดยยังสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ จึงประเมินให้ผู้ป่วยแอดมิตที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อ ก่อนพบว่ามีสิทธิผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาลบางมด ที่อยู่ห่างไป 2 กิโลเมตร ทางพยาบาลจึงสอบถามคนไข้ว่ามีความประสงค์จะไปรักษาที่โรงพยาบาลตามที่มีสิทธิหรือไม่ พร้อมชี้แจงว่าหากรักษาที่นี่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทางคนไข้ก็ยืนยันว่าจะไป ทางพยาบาลจึงเรียกแท็กซี่ให้พร้อมให้เงินช่วยไป 40 บาท เนื่องจากเกรงว่าถ้ารอรถโรงพยาบาลบางมดมารับ อาจต้องใช้เวลานาน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่มีอาการทรุดที่โรงพยาบาล และตอนนั้นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินก็ไม่ทราบว่าคนไข้ถูกกรอกน้ำกรดใส่ปาก เพราะยังพูดคุยได้ ไม่มีแผลหรือรอยแดงที่ปาก และชีพจรปกติ จึงได้ประเมินผู้ป่วยไม่ฉุกเฉิน จึงอยากให้มองเป็น 2 ด้าน ถ้าเรื่องนี้โรงพยาบาลพระราม 2 รักษาผู้ป่วยจนหาย อาจจะถูกกล่าวหาว่าเหตุใดจึงไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลตามสิทธิ เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม อีกด้านพอคนไข้เสียชีวิต ก็ถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงปล่อยผู้ป่วยหนักออกจากโรงพยาบาล จึงอยากขอความเป็นธรรมให้โรงพยาบาลพระราม 2 ด้วย
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
นายแพทย์พีระ พาผู้สื่อข่าวตรวจสอบภายในห้องฉุกเฉิน พร้อมพาดูทางเข้าและทางออก จุดที่ผู้เสียชีวิตเดินเข้ามาจากทางประตูด้านหลังห้องฉุกเฉิน เนื่องจากวันนั้นประตูห้องฉุกเฉินปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ทั้งหมด
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่ นางหนึ่ง (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าตึกเดียวกับนางช่อลัดดา เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 5 ตนตื่นมาเตรียมจะอาบน้ำไปทำงาน ตนได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันไดลักษณะเร่งรีบ พร้อมกับเห็นว่ามีการปาแก้วน้ำทิ้งที่ช่องว่างข้างบันได ซึ่งในแก้วมีควันพุ่งออกมา มารู้ภายหลังว่าคือน้ำกรด ตอนนั้นตนก็วิ่งตามมาดูแต่ไม่เจอใครแล้ว พบเพียงลูกชายของนายคำตัน ผู้ก่อเหตุ จึงได้ถามว่าเกิดอะไร ลูกนายคำตันบอกว่าน้าซึ่งคือนางช่อลัดดา ถูกน้ำร้อนลวก รีบไปโรงพยาบาล ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร ซึ่งปกติแล้วตนมักได้ยินผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันบ่อย ๆ ยิ่ง 3-4 เดือนก่อนเกิดเหตุ ได้ยินทะเลาะรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืน ตัวผู้ชายมักดุด่าลักษณะคล้ายหึงหวง ด่าผู้เสียชีวิตว่าเลิกงานต้องรีบกลับบ้าน ไม่ให้ไปกินเลี้ยงที่ไหน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน นายแทน (นามสมมติ) เจ้าของแท็กซี่ที่นายคำตัน ผู้ก่อเหตุ เช่าขับ เปิดเผยว่า เท่าที่รู้จักกับนายคำตัน มองว่าเป็นคนดี เช่ารถตนได้ 3 เดือน ไม่เคยมีปัญหา เป็นคนใจเย็น ไม่เคยเห็นทะเลาะกับใคร รักษารถ และจ่ายเงินตรงเวลาตลอด แต่มาเอะใจวันที่เกิดเหตุ ที่นายคำตันนำเงินมาฝากไว้กับคนที่บ้าน ไม่ได้เอามาให้กับตน ก่อนจะมารู้ข่าวว่าก่อเหตุทำร้ายเมียตัวเอง ตนก็ตกใจมาก
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยบริเวณตึกที่ห่างจากหอพักที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พบว่าช่วงเวลา 05.21 น. นายคำตัน วิ่งออกไปทางปากซอยอย่างเร่งรีบ สวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะพบว่านางช่อลัดดา และลูกสาว จูงมือกันมากึ่งเดินกึ่งวิ่ง ออกไปที่ปากซอยเช่นกัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายคำตัน สิงหนาท ได้แล้ว หลังหลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก