2 เจ้าสาวเหยื่อร้านวิวาห์ดัง ชิ่งงานหอบเงินหลายแสนหนี ยอมรับหลงเชื่อเพราะแพ็กเกจราคาไม่แพง เผยมีผู้เสียหายกว่า 300 คน ด้านเจ้าของร้านโต้เปล่าหนี จ่อแถลงวันนี้ (13 พ.ย. 61)
สืบเนื่องจากกรณีเพจดังต่าง ๆ ออกมาแฉร้านวิวาห์ แห่งหนึ่ง ก่อเหตุฉ้อโกงลูกค้า ไม่ยอมจัดงานแต่งตามที่ทำสัญญา ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายหลายร้อยรายแล้ว มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ร้านวิวาห์ดังทำแสบ ! จัดงานห่วย-เทงาน-ย่องปิดร้านหนี เหยื่อทะลุ 400 ราย)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (12 พฤศจิกายน 2561) ข่าวอมรินทร์ รายงานบทสัมภาษณ์ คุณนุ้ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนซื้อแพ็กเกจจากร้านดังกล่าวตกลงราคาไว้ที่ 700,000 บาท เป็นการจัดงานแบบครบวงจร และมีแพ็กเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่นที่ทางร้านอ้างว่าจะมอบให้พิเศษด้วย ซึ่งมีการซื้อไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และงานจะมีกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ตนมีการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว 350,000 บาท แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลับไม่เคยได้รับการติดต่อในเรื่องความคืบหน้างาน อ้างเพียงว่าไม่ว่าง ลูกค้าเยอะ จนถึงวันนัดถ่ายพรีเวดดิ้ง ตนก็ต้องเป็นฝ่ายติดต่อทางร้านเอง
คุณนุ้ย เผยต่อว่า จนมาเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านทางโซเชียลพบว่ามีการเตือนจำนวนมากให้ระวังถูกหลอก เนื่องจากทางร้านบ่ายเบี่ยง ไม่ตอบไลน์ตนแล้ว เมื่อรู้อย่างนั้น ตนจึงติดต่อขอยกเลิกสัญญาทันที แต่ทางร้านกลับอ้างว่าขอคิดค่าดำเนินการ 80,000 บาท จะคืนเงินให้ 270,000 บาท แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว
ขณะที่ นางสาวชมพูนุช โตศักดิ์สิทธิ์ ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ตนตกลงจองแพ็กเกจที่ร้านดังกล่าวเพราะเห็นโฆษณาในเฟซบุ๊กว่าเป็นราคาโปรโมชั่นสำหรับ 30 ท่านแรก สามารถจองแพ็กเกจไว้ก่อน และสามารถจัดงานเมื่อไรก็ได้ ซึ่งตนโอนเงินค่ามัดจำ 8,900 บาท ไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยทางร้านมีการจัดการที่เป็นระบบดีทำให้ตนรู้สึกเชื่อถือ พอทางร้านแจ้งว่าให้จ่ายเงินค่ามัดจำในส่วนของการจองชุดเพิ่มอีก 25,000 บาท ตนจึงโอนไป รวมเป็นเงิน 33,900 บาท จนมาถึงวันที่ลองชุด กลับถูกให้รอที่ร้านนาน 4 ชั่วโมง สุดท้ายก็ไม่ได้ลองชุด เพราะมาแจ้งทีหลังว่าให้ลูกค้ารายอื่นเช่าไปหมดแล้ว
นางสาวชมพูนุช เผยต่อว่า ตอนนั้นตนจึงขอเงินคืน แต่ถูกต่อรองว่าขอเวลา 1 วัน จะส่งชุดไปให้ที่บ้านเลย ที่ จ.ราชบุรี แต่ก็ไม่มีวี่แวว และหลังจากนั้นก็ติดต่อทางร้านไม่ได้อีกเลย ตนจึงเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีทันที ซึ่งก็พบผู้เสียหายจำนวนมาก โดยตนเดินทางมาสอบถามพนักงานที่ร้าน กลับได้รับคำตอบว่าพนักงานที่ร้านไม่มีเบอร์ติดต่อเจ้าของร้าน เพราะตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่เคยเจอเจ้าของร้านสักครั้ง
ทั้งนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ยังร้านวิวาห์ดังกล่าว จากการสอบถามคนใกล้ชิดเจ้าของร้าน อ้างว่า นายปรรณวิสิฐ เจ้าของร้าน ไม่ได้หนีแต่อย่างใด แต่เดินทางไปประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เพื่อไปซื้อชุดแต่งงานเข้าร้าน ซึ่งนายปรรณวิสิฐ จะแถลงข่าวในวันนี้ (13 พฤศจิกายน)
ด้าน คนในพื้นที่ เปิดเผยว่า ร้านวิวาห์ดังกล่าวเปิดมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ซึ่งรู้มาว่าช่วงที่มาเช่านั้น ที่ร้านมีปัญหาทางการเงิน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วเกือบ 100 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายเรียกนายปรรณวิสิฐ มารับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกงต่อไป หากส่งหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ยังไม่มา ก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Red Skull เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายร้อยรายที่ตกเหยื่อแล้ว ยังมีบรรดาช่างกล้องอีกหลายราย ที่ถูกชิ่งค่าจ้างด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สืบเนื่องจากกรณีเพจดังต่าง ๆ ออกมาแฉร้านวิวาห์ แห่งหนึ่ง ก่อเหตุฉ้อโกงลูกค้า ไม่ยอมจัดงานแต่งตามที่ทำสัญญา ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายหลายร้อยรายแล้ว มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ร้านวิวาห์ดังทำแสบ ! จัดงานห่วย-เทงาน-ย่องปิดร้านหนี เหยื่อทะลุ 400 ราย)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (12 พฤศจิกายน 2561) ข่าวอมรินทร์ รายงานบทสัมภาษณ์ คุณนุ้ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนซื้อแพ็กเกจจากร้านดังกล่าวตกลงราคาไว้ที่ 700,000 บาท เป็นการจัดงานแบบครบวงจร และมีแพ็กเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่นที่ทางร้านอ้างว่าจะมอบให้พิเศษด้วย ซึ่งมีการซื้อไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และงานจะมีกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ตนมีการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว 350,000 บาท แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลับไม่เคยได้รับการติดต่อในเรื่องความคืบหน้างาน อ้างเพียงว่าไม่ว่าง ลูกค้าเยอะ จนถึงวันนัดถ่ายพรีเวดดิ้ง ตนก็ต้องเป็นฝ่ายติดต่อทางร้านเอง
คุณนุ้ย เผยต่อว่า จนมาเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านทางโซเชียลพบว่ามีการเตือนจำนวนมากให้ระวังถูกหลอก เนื่องจากทางร้านบ่ายเบี่ยง ไม่ตอบไลน์ตนแล้ว เมื่อรู้อย่างนั้น ตนจึงติดต่อขอยกเลิกสัญญาทันที แต่ทางร้านกลับอ้างว่าขอคิดค่าดำเนินการ 80,000 บาท จะคืนเงินให้ 270,000 บาท แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว
ขณะที่ นางสาวชมพูนุช โตศักดิ์สิทธิ์ ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ตนตกลงจองแพ็กเกจที่ร้านดังกล่าวเพราะเห็นโฆษณาในเฟซบุ๊กว่าเป็นราคาโปรโมชั่นสำหรับ 30 ท่านแรก สามารถจองแพ็กเกจไว้ก่อน และสามารถจัดงานเมื่อไรก็ได้ ซึ่งตนโอนเงินค่ามัดจำ 8,900 บาท ไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยทางร้านมีการจัดการที่เป็นระบบดีทำให้ตนรู้สึกเชื่อถือ พอทางร้านแจ้งว่าให้จ่ายเงินค่ามัดจำในส่วนของการจองชุดเพิ่มอีก 25,000 บาท ตนจึงโอนไป รวมเป็นเงิน 33,900 บาท จนมาถึงวันที่ลองชุด กลับถูกให้รอที่ร้านนาน 4 ชั่วโมง สุดท้ายก็ไม่ได้ลองชุด เพราะมาแจ้งทีหลังว่าให้ลูกค้ารายอื่นเช่าไปหมดแล้ว
นางสาวชมพูนุช เผยต่อว่า ตอนนั้นตนจึงขอเงินคืน แต่ถูกต่อรองว่าขอเวลา 1 วัน จะส่งชุดไปให้ที่บ้านเลย ที่ จ.ราชบุรี แต่ก็ไม่มีวี่แวว และหลังจากนั้นก็ติดต่อทางร้านไม่ได้อีกเลย ตนจึงเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีทันที ซึ่งก็พบผู้เสียหายจำนวนมาก โดยตนเดินทางมาสอบถามพนักงานที่ร้าน กลับได้รับคำตอบว่าพนักงานที่ร้านไม่มีเบอร์ติดต่อเจ้าของร้าน เพราะตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่เคยเจอเจ้าของร้านสักครั้ง
ทั้งนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ยังร้านวิวาห์ดังกล่าว จากการสอบถามคนใกล้ชิดเจ้าของร้าน อ้างว่า นายปรรณวิสิฐ เจ้าของร้าน ไม่ได้หนีแต่อย่างใด แต่เดินทางไปประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เพื่อไปซื้อชุดแต่งงานเข้าร้าน ซึ่งนายปรรณวิสิฐ จะแถลงข่าวในวันนี้ (13 พฤศจิกายน)
ด้าน คนในพื้นที่ เปิดเผยว่า ร้านวิวาห์ดังกล่าวเปิดมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ซึ่งรู้มาว่าช่วงที่มาเช่านั้น ที่ร้านมีปัญหาทางการเงิน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วเกือบ 100 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายเรียกนายปรรณวิสิฐ มารับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกงต่อไป หากส่งหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ยังไม่มา ก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Red Skull เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายร้อยรายที่ตกเหยื่อแล้ว ยังมีบรรดาช่างกล้องอีกหลายราย ที่ถูกชิ่งค่าจ้างด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
