บริษัทเล็ก ๆ ของญี่ปุ่น มีพนักงานแค่ 5 คน สามารถผลิตหน้ากากเสมือนจริงได้อย่างน่าทึ่ง เก็บงานเป๊ะทุกรายละเอียด ราวกับแกะออกมาจากคนจริง ๆ
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 เว็บไซต์เจแปนทูเดย์ รายงานว่า บริษัท เรียล-เอฟ (REAL-f)
บริษัทขนาดเล็กของญี่ปุ่นในจังหวัดชิงะ ที่มีพนักงานเพียงแค่ 5 คน
ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความสนใจจากทั่วโลก
เนื่องจากสินค้าที่พวกเขาผลิตออกมา มันมีความโดดเด่นและน่าประทับใจอย่างมาก
โดยพวกเขารับผลิตหน้ากากเสมือนจริง ที่มีรายละเอียดต่าง ๆ
เหมือนกับมนุษย์อย่างน่าทึ่ง ราวกับว่าได้แกะออกมาจากใบหน้าของคนจริง ๆ
ผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้มีชื่อว่า โอซามุ คิตากาวะ วัย 60 ปี ก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในวงการการผลิตเครื่องพิมพ์ และได้ไอเดียอยากทำหน้ากากคนที่เหมือนจริงขึ้นมา เขาใช้เวลากว่า 2 ปีในการค้นคว้าวิจัย ลองผิดลองถูกอยู่นาน จนกระทั่งค้นพบวิธีการสร้างแบบใบหน้า 3 มิติ จากภาพถ่ายที่มีความคมชัดระดับสูง เขาได้เริ่มต้นทำหน้ากากตั้งแต่นั้น และนำออกขายเป็นครั้งแรกในปี 2554
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัทเรียล-เอฟ ได้บอกรายละเอียดหน้ากากที่พวกเขารับทำ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆ ตามขั้นตอนการผลิต คือ แบบจำลองจากใบหน้าจริง รับทำเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ทางบริษัทจะส่งทีมงาน 2 คน ไปพบลูกค้า เพื่อถ่ายภาพใบหน้า รวมทั้งการแสดงสีหน้าในแบบต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลูกค้าสามารถเดินทางมาถ่ายที่บริษัท หรือที่สตูดิโอในกรุงโตเกียวก็ได้เช่นกัน ส่วนขั้นตอนการผลิต จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ สนนราคาอยู่ที่ 300,000 เยน หรือประมาณ 87,700 บาท
สำหรับแบบที่สอง คือการสร้างหน้ากากตามสั่งขึ้นมาจากโปรแกรม 3 มิติ วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องไปถ่ายภาพลูกค้า แต่ถ้าลูกค้ามีไฟล์ 3 มิติที่ต้องการให้ทางบริษัททำตามแบบ ก็สามารถส่งมาให้ได้ ซึ่งกระบวนการนี้จะทำที่สตูดิโอในกรุงโตเกียว สนนราคาอยู่ที่ 390,000 เยน หรือประมาณ 114,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์
ส่วนแบบที่สาม คือการสร้างหน้ากากขึ้นมาจากภาพถ่ายของลูกค้า กรณีนี้สำหรับลูกค้าที่ต้องการถ่ายภาพเองและส่งภาพมาให้ ซึ่งทางบริษัทจะกำหนดเรื่องมุม ลักษณะภาพกับทางลูกค้าอีกครั้ง และจะนำภาพเหล่านั้นมาทำแบบในโปรแกรม 3 มิติ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 360,000 เยน หรือประมาณ 105,260 บาท
หน้ากากของเรียล-เอฟ
จะผลิตด้วยเรซินและพลาสติก ในอนาคตข้างหน้าอาจจะนำซิลิโคนมาใช้ด้วย
โอซามุ เผยว่า
เขาต้องการให้หน้ากากทุกชิ้นออกมาเหมือนจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
รายละเอียดทุกอย่างจะต้องเก็บอย่างครบถ้วน ทั้งสีผิว ร่องรอยเหี่ยวย่น คิ้ว
หนวด ไฝ รวมไปถึงกระบนใบหน้า
ทางบริษัทจะทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน
และจะต้องมีการทำข้อตกลงกันเพื่อให้แน่ใจว่าหน้ากากที่สั่งทำไปจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่อย่างไรก็ตาม
มันก็ยังคงเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวล
และทางบริษัทจะไม่สามารถจัดการตรงนี้ได้
โอซามุ กล่าวอีกว่า เขารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ผลงานของเขาได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า และหวังว่าทางทีมผู้วิจัยจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากที่สุด และเขาก็ดีใจอย่างมากที่ได้รับการติดต่อให้นำผลงานไปจัดแสดงโชว์ในที่ต่าง ๆ
สำหรับอนาคตข้างหน้า โอซามุ กล่าวว่า เขาอยากให้หน้ากากของเขาสามารถนำไปใช้ในวงการแพทย์ได้ และด้วยความที่ยุคของหุ่นยนต์เสมือนจริงกำลังมาถึง เขาก็หวังว่าหน้ากากที่บริษัทเล็ก ๆ ของเขาผลิตออกมา จะสามารถช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ให้สร้างหุ่นยนต์ที่เสมือนจริงได้ในราคาที่ถูกลง และมีความเหมือนมนุษย์มากขึ้น












