หนุ่มอินเดียเจอคุก 9 ปี หลังล่วงละเมิดทางเพศสาวบนเครื่องบิน ฉวยโอกาสอีกฝ่ายหลับ ปลดเสื้อชั้นใน ล้วงมือไปจับของลับ ทั้งที่เมียก็นั่งข้าง ๆ อ้างกินยาไปแล้วหลับลึก ทำไปได้ไร้ความรู้สึกตัว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก prabhu ramamoorthy
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า นายประภู รามะมัวร์ตี ชายชาวอินเดีย วัย 35 ปี ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 9 ปี หลังศาลพิพากษาว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาล่วงละเมิดหญิงสาว วัย 22 ปี บนเครื่องบิน ขณะที่เธอกำลังหลับ และเขาได้ลงมือก่อเหตุทั้ง ๆ ที่ภรรยาก็ร่วมเดินทางไปบนเที่ยวบินเดียวกัน อีกทั้งยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกตะลึงและหวาดผวาแก่เหยื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอไม่คาดคิดว่าจะพบเจออะไรแบบนี้
ประภูเป็นชาวอินเดียที่เดินทางมาทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ด้วยวีซ่าทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และพักอาศัยอยู่ที่เมืองโรเชสเตอร์ ฮิลลส์ ในรัฐมิชิแกน ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ประภูและภรรยาเดินทางไปเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา และในวันที่ 3 มกราคม 2561 ทั้งสองโดยสารเครื่องบินของสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) เที่ยวบินจากเมืองลาสเวกัส มุ่งหน้าสู่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ทั้งสองนั่งติดกับผู้โดยสารหญิง วัย 22 ปี โดยเธอนั่งบนที่นั่งริมหน้าต่าง ประภูนั่งตรงกลางติดกับเธอ และภรรยาของเขานั่งบนเก้าอี้ติดทางเดิน ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติดี จนกระทั่งถึงตอนที่หญิงสาวหลับ
ผู้โดยสารหญิงดังกล่าวได้สะดุ้งตื่นจากการงีบหลับ หลังจากรู้สึกแปลก ๆ
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเสื้อของตัวเองถูกปลดกระดุมออก
ชุดชั้นในก็ถูกปลดด้วยเช่นกัน
และประภูก็กำลังเอามือสอดเข้าไปในกางเกงของเธอ
เมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวจับได้ เขาก็รีบเอนหัวพิงไหล่ภรรยา
ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ทราบแน่ชัดว่าภรรยาพบเห็นพฤติกรรมของสามีเธอหรือไม่ แต่ตอนที่หญิงสาวตื่นและทำท่าตกใจ เธอจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด ผู้โดยสารสาวรู้สึกแย่มาก เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง และวิ่งไปทางด้านหลังเครื่องบิน เพื่อแจ้งให้ลูกเรือทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และขอย้ายไปนั่งที่อื่น
หลังเกิดเหตุ หญิงสาวได้แจ้งความดำเนินคดีกับประภู และในช่วงการสอบสวน ภรรยาของประภูกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุเธอได้ขอสลับที่นั่งกับสามี เพราะเหยื่อหลับเอาเอนหัวมาพิงเธอตลอด แต่มันไม่เป็นความจริง ทางด้านประภูอ้างว่าตอนนั้นเขากินยาไป แล้วก็หลับไปลึกมาก ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป แต่คำให้การนี้ถูกปัดตกไปในภายหลัง เพราะตรวจสอบพบว่ายาที่ประภูกินเข้าไปเป็นแค่ยาพาราเซตามอลธรรมดา ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ ไม่สามารถทำให้เขาหลับลึกได้ดังที่อ้าง
ในเวลาต่อมา ประภูยอมรับกับพนักงานสืบสวนว่า
เขาอาจจะเอื้อมมือไปปลดตะขอชุดชั้นในของเหยื่อจริง
พร้อมกับยอมรับว่าได้ล้วงเข้าไปในกางเกงของเธอ แต่ทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม
คำให้การนี้ก็ถูกโต้แย้งและปัดตกไปอีกเช่นกัน
เพราะผลการตรวจร่างกายผู้โดยสารหญิง ระบุว่าบริเวณของลับของเธอ
ได้ถูกสัมผัสและสอดใส่แล้ว
ภาพจาก Ken Wolter / Shutterstock.com
ด้วยพยานหลักฐานต่างที่มัดตัว ประภูไม่สามารถหาทางดิ้นจากคดีนี้ได้อีก
ผู้พิพากษาจึงลงโทษว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา และพิพากษาจำคุก 9 ปี
โดยเมื่อการพิจารณาคดีจบสิ้นลง อัยการกล่าวว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้
นับเป็นเคสการล่วงละเมิดทางเพศบนเครื่องบินที่ร้ายแรงมากที่สุดคดีหนึ่ง
และทุกคนก็ยินดีอย่างยิ่งที่ผู้พิพากตัดสินด้วยความเป็นธรรม
ผู้โดยสารทุกคนที่ขึ้นเครื่องบินมีสิทธิ์ที่จะได้รับความปลอดภัย และรู้สึกปลอดภัยเมื่อเดินทาง พฤติกรรมใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ผู้โดยสารต้องตกเป็นเหยื่อ และอยู่ในสถานะเปราะบาง นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ด้วยประการทั้งปวง
อัยการอีกคนกล่าวว่า ในกรณีนี้ต้องชื่นชมเหยื่อสาว ที่เธอกล้าลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริง กล้าขอความช่วยเหลือ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง จนทำให้คนร้ายถูกลงโทษได้ในที่สุด
ภาพจาก Wayne County Sheriff's Office
ภาพจาก เฟซบุ๊ก prabhu ramamoorthy
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า นายประภู รามะมัวร์ตี ชายชาวอินเดีย วัย 35 ปี ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 9 ปี หลังศาลพิพากษาว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาล่วงละเมิดหญิงสาว วัย 22 ปี บนเครื่องบิน ขณะที่เธอกำลังหลับ และเขาได้ลงมือก่อเหตุทั้ง ๆ ที่ภรรยาก็ร่วมเดินทางไปบนเที่ยวบินเดียวกัน อีกทั้งยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกตะลึงและหวาดผวาแก่เหยื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอไม่คาดคิดว่าจะพบเจออะไรแบบนี้
ประภูเป็นชาวอินเดียที่เดินทางมาทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ด้วยวีซ่าทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และพักอาศัยอยู่ที่เมืองโรเชสเตอร์ ฮิลลส์ ในรัฐมิชิแกน ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ประภูและภรรยาเดินทางไปเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา และในวันที่ 3 มกราคม 2561 ทั้งสองโดยสารเครื่องบินของสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) เที่ยวบินจากเมืองลาสเวกัส มุ่งหน้าสู่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ทั้งสองนั่งติดกับผู้โดยสารหญิง วัย 22 ปี โดยเธอนั่งบนที่นั่งริมหน้าต่าง ประภูนั่งตรงกลางติดกับเธอ และภรรยาของเขานั่งบนเก้าอี้ติดทางเดิน ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติดี จนกระทั่งถึงตอนที่หญิงสาวหลับ
ไม่ทราบแน่ชัดว่าภรรยาพบเห็นพฤติกรรมของสามีเธอหรือไม่ แต่ตอนที่หญิงสาวตื่นและทำท่าตกใจ เธอจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด ผู้โดยสารสาวรู้สึกแย่มาก เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง และวิ่งไปทางด้านหลังเครื่องบิน เพื่อแจ้งให้ลูกเรือทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และขอย้ายไปนั่งที่อื่น
หลังเกิดเหตุ หญิงสาวได้แจ้งความดำเนินคดีกับประภู และในช่วงการสอบสวน ภรรยาของประภูกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุเธอได้ขอสลับที่นั่งกับสามี เพราะเหยื่อหลับเอาเอนหัวมาพิงเธอตลอด แต่มันไม่เป็นความจริง ทางด้านประภูอ้างว่าตอนนั้นเขากินยาไป แล้วก็หลับไปลึกมาก ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป แต่คำให้การนี้ถูกปัดตกไปในภายหลัง เพราะตรวจสอบพบว่ายาที่ประภูกินเข้าไปเป็นแค่ยาพาราเซตามอลธรรมดา ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ ไม่สามารถทำให้เขาหลับลึกได้ดังที่อ้าง
ภาพจาก Ken Wolter / Shutterstock.com
ผู้โดยสารทุกคนที่ขึ้นเครื่องบินมีสิทธิ์ที่จะได้รับความปลอดภัย และรู้สึกปลอดภัยเมื่อเดินทาง พฤติกรรมใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ผู้โดยสารต้องตกเป็นเหยื่อ และอยู่ในสถานะเปราะบาง นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ด้วยประการทั้งปวง
อัยการอีกคนกล่าวว่า ในกรณีนี้ต้องชื่นชมเหยื่อสาว ที่เธอกล้าลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริง กล้าขอความช่วยเหลือ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง จนทำให้คนร้ายถูกลงโทษได้ในที่สุด
ภาพจาก Wayne County Sheriff's Office