เพื่อนแฉ เล่าเหตุการณ์แก๊งโจ๋รุมโทรม ด.ญ. วางแผนก่อนช่วยกันจับขึงพืด

เพื่อนเผยแก๊งโจ๋รุมโทรม ด.ญ. แฉ วางแผนก่อนอุ้มขึงพืดข่มขืน - พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังมี อบต. โทร. มาเจรจา ว่าห่วงอนาคตเด็กทั้งสองฝ่าย

ภาพจาก ข่าวอมรินทร์ ทีวี

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความสุดสะเทือนใจ วอนสื่อและโซเชียลช่วยเหลือ กรณีลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองถูกวัยรุ่นชาย 5 คน ฉุดไปข่มขืน เหตุเกิดภายในร้านขายของทุกอย่าง 10 บาท แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี โดยหลังเกิดเหตุสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่โพสต์เพื่อขอความช่วยเหลือ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะญาติของผู้ต้องหารายหนึ่งอ้างตัวเป็น อบต. พยายามจะยัดเงินให้เรื่องจบ แต่ไม่ยอมยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จึงถูกพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุจะแจ้งความจับข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะตนเองโมโหที่ลูกสาวถูกทำร้าย จึงทำร้ายผู้ก่อเหตุจนสลบ มิหนำซ้ำทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังปล่อยตัววัยรุ่นทั้ง 5 คน ที่ก่อเหตุไปโดยอ้างว่าไม่มีหน้าที่จับกุมนั้น (อ่านข่าว : พ่อร้องลูกสาวถูก 5 โจ๋ฉุดข่มขืน - อบต. ต่อราคายัดเงินปิดปาก 1 หมื่น ให้จบเรื่อง)

ล่าสุด วันนี้ (18 ธันวาคม 2561) ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ คือร้านขายของทุกอย่าง 10 บาท ฝั่งตรงข้ามอาชีวศึกษาสระบุรี โดยนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อนผู้ต้องหา และผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุขณะที่ตนอยู่ที่ร้านของเพื่อนที่ชื่อเติ้ล ได้นัดกับสาวชื่อ ฟิล์ม ซึ่งรู้จักกันทางเฟซบุ๊กและเพิ่งคุยกันได้ไม่นานมาที่หน้าร้านของตน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 01.00-02.00 น.

ต่อมา มีกลุ่มเพื่อนของตนได้นั่งรวมกับกลุ่มผู้ต้องหาประมาณ 7-8 คน โดยฟิล์มได้เดินทางมาพร้อม น้องเจน (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้น นายเบส หนึ่งในผู้ต้องหา เดินมาพูดคุยและวางแผนว่าจะลงแขกน้องเจน โดยตนก็ได้ห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะมีความผิด และตนได้เดินออกไปซื้อบุหรี่

ภาพจาก ข่าวอมรินทร์ ทีวี

หลังจากนั้นตนทราบเพียงว่าเพื่อนของตนชวนฟิล์มเข้าไปภายในร้าน และพยายามชวนน้องเจนเข้าไปด้วยแต่น้องเจนไม่ยอม กระทั่งเกิดการยื้อยุด สะบัดมือ แต่เพื่อนก็พยายามอุ้มน้องเจนเข้าไปนั่งที่โซฟาภายในร้าน และเกิดการเรียงคิวข่มขืนกันด้านล่างของเคาน์เตอร์ ซึ่งหลังจากที่ตนกลับมาจากการซื้อบุหรี่ พบว่านายเบสนอนอยู่กับน้องเจนแล้ว หลังจากนั้นเพื่อนทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปส่งน้องเจน

ภาพจาก ข่าวอมรินทร์ ทีวี

นายเอ็ม เล่าต่อไปว่า หลังเกิดเรื่องตนรู้สึกกลัวว่าจะมีความผิดในฐานสมรู้ร่วมคิด เนื่องจากอยู่ในเหตุการณ์ อีกทั้งเหตุยังเกิดในร้านของพี่สาวตน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุเพื่อนไม่ได้ดื่มเหล้าหรือเสพสารเสพติดมาแต่อย่างใด และขณะนี้เพื่อนได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว

ขณะที่ ยายของผู้เสียหาย ระบุว่า วันเกิดเหตุ (14 ธันวาคม) หลานสาวของตนเล่าว่า เพื่อนรุ่นพี่ผู้หญิงชวนให้ไปหาแฟนเป็นเพื่อนที่ร้านทุกอย่าง 10 บาท ในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี เมื่อเดินทางไปถึงกลับไม่พบแฟนของหญิงรายดังกล่าว แต่กลับพบวัยรุ่นชาย 5-6 คน นั่งอยู่หน้าร้านแทน จากนั้น ชายกลุ่มนั้นก็อุ้มหลานของตนไปในห้อง และผลัดกันจับขึงพืดกระทำชำเรา ซึ่งหลังถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมโทรมแล้ว เพื่อนรุ่นพี่ผู้หญิงคนดังกล่าวได้พาหลานสาวตนมาส่ง แต่หลานไม่กล้าเข้าบ้านจึงไปอาศัยอยู่กับเพื่อน

ภาพจาก ข่าวอมรินทร์ ทีวี

          ด้านแม่ของผู้เสียหายกล่าวว่า หลังทราบเรื่อง ตนได้ออกตามหาลูกสาวและรับกลับบ้าน และโทรศัพท์ให้สามีพาลูกไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสระบุรี พบว่าอวัยวะเพศของลูกสาวติดเชื้อ มีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ทั้งยังมีอาการเจ็บหน้าท้องและเซื่องซึม ครอบครัวจึงช่วยกันติดตามกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว พร้อมเชิญผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นมาเจรจากันที่บ้านของผู้เสียหาย แต่ด้วยความโมโหที่ลูกสาวถูกทำร้าย สามีจึงบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายชายทั้ง 5 คน

         ส่วนพ่อของผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกคิดว่าลูกจะออกไปเที่ยวตามประสาเด็ก ไม่คิดว่าจะถูกกลุ่มชายวัยรุ่นประมาณ 5 คน ฉุดไปรุมโทรม และคืนนั้นลูกสาวไม่กล้าบอกว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมโทรม กระทั่งวันที่ 16 ธันวาคม ลูกสาวรู้สึกเจ็บจึงสารภาพเรื่องทั้งหมดกับภรรยา จึงติดต่อฝ่ายคู่กรณีพร้อมครอบครัวทั้ง 5 คนมาพูดคุย

         โดยฝ่ายคู่กรณีได้ส่งชายที่อ้างว่าเป็น อบต. มาพูดคุย พร้อมเจรจาเสนอเงินเพื่อไม่ให้เป็นคดี ซึ่งขณะนั้นเพื่อนของตนได้โทร. มาเล่าเรื่องให้ตนฟัง ตนโกรธมากจึงบอกไปว่าไม่เอาเงินแต่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไปยังจุดเกิดเหตุภายในคืนนั้น จนมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามคลิป พร้อมยืนยันว่าลูกสาวของตนและผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และทราบว่าเด็กกลุ่มนี้มีพฤติการณ์มั่วสุมและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ขณะนี้สิ่งที่ตนไม่สบายใจคือการที่มี อบต. มาช่วยเจรจาจะทำให้คดีไม่โปร่งใส ยิ่งหลังเกิดเรื่องพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้โทรศัพท์มาหาตนว่าเป็นห่วงอนาคตเด็กทั้งสองฝ่าย ซึ่งคำพูดดังกล่าวฟังดูแปลก ๆ เพราะไม่รู้ว่าคู่กรณีมีเส้นสายอะไรหรือไม่ เกรงว่าอาจเป็นการช่วยเหลือกัน รวมถึงมองว่าจุดเกิดเหตุที่ลูกสาววัย 12 ปีถูกรุมโทรม เจ้าของร้านค้าอาจมีส่วนรู้เห็นในการใช้สถานที่ด้วย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก