ย้อนรอย แหลมตะลุมพุก ถูกพายุแฮเรียต ถล่มปี 2505 คร่าชีวิตคนเกือบพัน



          ย้อนรอยพายุโซนร้อนแฮเรียต มหาวาตภัยถล่มแหลมตะลุมพุก เมื่อเดือนตุลาคม 2505 กวาดล้างทุกอย่างจนหมดสิ้น สร้างความเสียหายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ผ่านมา 57 ปีแล้ว แต่คนไทยไม่มีวันลืม
 พายุปาบึก
ภาพจาก สปริงนิวส์

 พายุปาบึก
ภาพจาก สปริงนิวส์

          จากการออกประกาศเตือนพายุโซนร้อนปาบึก เคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทยวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ทำให้หลายหน่วยงานตื่นตัวและเตรียมรับมือสถานการณ์เป็นอย่างดี ทั้งนี้ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ระบุว่า พายุปาบึก เป็นพายุโซนร้อนลูกแรกที่จะพัดเข้าอ่าวไทยในช่วง 50 กว่าปีมานี้ รวมถึงมีการประเมินความรุนแรงอาจเทียบเท่ากับพายุแฮเรียตที่เคยถล่มแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนตุลาคม 2505 หรือเมื่อ 57 ปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เป็นเหตุการณ์ที่ชาวไทยยังคงจดจำมาถึงทุกวันนี้ (อ่านข่าว : เร่งรับมือ พายุปาบึก หวั่นแรงเท่าเหตุการณ์แหลมตะลุมพุก เมื่อ 57 ปีที่แล้ว)

          เมื่อย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2505 พายุโซนร้อนแฮเรียต เริ่มก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำ เป็นพายุดีเปรสชัน 78W เริ่มก่อตัวในทะเลจีนใต้ตอนล่าง นอกชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนใต้ แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเข้ามาในอ่าวไทย และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน บริเวณนอกชายฝั่ง จ.สงขลา

          จากนั้นพายุก็เคลื่อนมาขึ้นฝั่งประเทศไทย ช่วงค่ำวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยความเร็วลมสูงสุดวัดได้ 95 กม./ชม. จากนั้นพายุก็อ่อนกำลังลงเหลือเป็นพายุดีเปรสชัน เคลื่อนผ่าน จ.กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ลงสู่ทะเลอันดามัน ในวันที่ 26 ตุลาคม ก่อนจะสลายตัวไปในอ่าวเบงกอล ใกล้กับบังกลาเทศ ในวันที่ 30 ตุลาคม

 พายุปาบึก
ภาพจาก เมืองคอน.com

 พายุปาบึก
ภาพจาก เมืองคอน.com

          พายุโซนร้อนแฮเรียต เป็นพายุที่มีขนาดศูนย์กลางใหญ่มาก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 กิโลเมตร พร้อมกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุก ก่อให้เกิดฝนตกหนัก คลื่นพายุหมุนซัดฝั่ง ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมอย่างฉับพลัน

          นอกจากนี้ พายุโซนร้อนแฮเรียตได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์คลื่นพายุซัดฝั่ง หรือสตอร์มเซิร์จ เป็นบริเวณกว้าง โดยเกิดคลื่นสูงใหญ่กว่า 4 เมตร พัดกระหน่ำหลายหมู่บ้านริมฝั่งทะเล

          เหตุการณ์ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน เล่าว่า ก่อนพายุเคลื่อนขึ้นฝั่ง ได้เกิดลมงวงช้างขึ้นหลายสายตั้งแต่เวลา 16.00 น. แรงลมพัดบ้านเรือนโยกคลอน หลังคาหลุดปลิวลอยไปทั่วทั้งเมือง เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้าแหลมตะลุมพุก จนหมู่บ้านที่มีอยู่หลายร้อยหลังคาเรือน เหลืออยู่เพียง 5 หลังเท่านั้น

          จากนั้นฝนก็ตกหนักไปจนถึงช่วง 19.00 น. เกิดลมพัดแรงอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วสงบลง หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ก็เกิดลมพัดแรงอีกระลอก พัดบ้านเรือนพังทลายจนหมด และมีคลื่นสูงใหญ่กว่าระลอกแรก โดยคลื่นยักษ์สูงเท่ากับยอดต้นมะพร้าว กวาดบ้านเรือนลงทะเลหายไป และแม่น้ำปากพนังก็เอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมืองภายในเวลาไม่กี่นาที

 พายุปาบึก

          ทั้งนี้ พายุโซนร้อนแฮเรียตส่งผลกระทบต่อ 12 จังหวัดในภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไปถึง จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 911 คน สูญหายอีก 142 คน บาดเจ็บสาหัส 252 คน ไร้ที่อยู่อาศัย 16,170 คน อาคารบ้านเรือนทั่วทั้งจังหวัดพังทั้งหลัง 22,296 หลัง ชำรุด 50,775 หลัง โรงเรียนพังเสียหาย 435 แห่ง สวนยาง สวนผลไม้ เสียหายประมาณ 791 ล้านต้น

          รวมถึงสถานที่ราชการ โรงเรียน วัด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ต้นไม้โค่นล้มขวางทางยาวนับ 10 กิโลเมตร รถไฟด่วนสายใต้ต้องหยุดเดินรถ เพราะภูเขาดินพังทลายทับรางรถไฟ ประเมินความเสียหายกว่า 377-1,000 ล้านบาท

          ต่อมาหลังพายุกวาดล้างทุกอย่างจนหมดสิ้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชานุเคราะห์ผู้ประสบวาตภัยในครั้งนี้หลายประการ โดยโปรดเกล้าฯ ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ จดทะเบียนตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2506 และพระราชทานเงินจำนวน 3 ล้านบาท รวมถึงให้วิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต กระจายข่าวให้ประชาชนร่วมบริจาคกับพระองค์อีกด้วย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนรอย แหลมตะลุมพุก ถูกพายุแฮเรียต ถล่มปี 2505 คร่าชีวิตคนเกือบพัน อัปเดตล่าสุด 3 มกราคม 2562 เวลา 18:40:43 42,204 อ่าน
TOP
x close