x close

สาวซาอุฯ วัย 18 หนีจากครอบครัว มาถูกกักตัวที่ไทย หวั่นถูกส่งกลับ กลัวพ่อฆ่าทิ้ง

 

            เด็กสาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี แอบหลบหนีจากครอบครัว บินมาประเทศไทย หวังขอลี้ภัยที่ออสเตรเลีย เผยทางบ้านเคร่งครัดมาก ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ จนทนไม่ไหว หวั่นถูกส่งกลับบ้าน กลัวครอบครัวฆ่าทิ้ง




             เด็กสาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่ชื่อ ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน ได้หลบหนีออกจากครอบครัว และตั้งใจว่าจะไปขอวีซ่าผู้ลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากไม่สามารถอดทนต่อการกดขี่ข่มเหงจากพ่อแม่ของเธอได้อีก โดยราฮาฟและพี่น้องอีก 6 คนของเธอ อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านของครอบครัว ตั้งอยู่ในเมืองฮาอิล ทางตอนเหนือของประเทศซาอุดีอาระเบีย พ่อของเธอทำงานเป็นข้าราชการ สังกัดหน่วยงานรัฐบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ ราฮาฟ เล่าว่า พ่อและแม่ของเธอเป็นคนที่เคร่งครัดมาก พวกเขาทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งดุด่าว่ากล่าวเธอ ตบตีเธอสารพัด อีกทั้งยังเคยจับเธอขังเอาไว้ในห้องเป็นเวลานานถึง 6 เดือน เป็นการลงโทษ หลังจากจับได้ว่าเธอแอบไปตัดผม

            ราฮาฟอดทนกับสถานการณ์เหล่านี้มาเป็นเวลานาน เธออดทนและอดกลั้นมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถอดทนต่อไปได้ไหว จึงตัดสินใจหลบหนีออกมา และหวังว่าชีวิตตัวเองจะได้พบกับอิสรภาพ แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เธอคิด....

            จากการรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2562 ระบุว่า ราฮาฟได้วางแผนหลบหนีตอนที่เธอและครอบครัวออกเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศคูเวต เธอได้ซื้อตั๋วเครื่องบินจากคูเวตไปประเทศไทย และจากไทยไปออสเตรเลีย โดยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อน จนกระทั่งในช่วงเช้ามืด ขณะที่ทุกคนหลับกันหมด ราฮาฟได้เก็บเสื้อผ้าเตรียมหนี เธอย่องเข้าไปเช็กจนแน่ใจว่าพ่อกำลังหลับ แล้วรีบแอบออกมาขึ้นแท็กซี่ เดินทางไปถึงสนามบินในเวลาประมาณ 04.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ก่อนจะออกเดินทาง และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม เวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

            แต่ราฮาฟไม่ได้ต่อเครื่องไปออสเตรเลียอย่างที่หวัง แต่ถูกกักตัวอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ เธอได้เขียนบอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงบนทวิตเตอร์ เล่าว่าหลังจากลงเครื่องบินที่ไทย เจ้าหน้าที่ชาวซาอุฯ คนหนึ่งกล่าวกับเธอว่าจะพาเธอไปทำวีซ่า พร้อมกับขอตรวจดูหนังสือเดินทางของเธอ หลังจากผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดังกล่าวเดินกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อีก 5-6 คน กล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถออกวีซ่าให้เธอได้ เนื่องจากเธอเดินทางมาตามลำพัง โดยไม่มีพ่อ พี่ชาย หรือผู้ปกครองที่เป็นผู้ชายติดตามมาด้วย

            เจ้าหน้าที่เผยว่าขณะนี้พ่อของราฮาฟรับรู้แล้วว่าเธอแอบหนีออกมา โดยเขาอ้างว่าลูกสาวมีอาการทางจิต แต่ไม่มีเอกสารใด ๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม เขาโกรธมากที่รู้ว่าลูกสาวแอบหลบหนีมา และต้องการให้เธอเดินทางกลับทันที
            ราฮาฟขอหนังสือเดินทางกลับคืน พร้อมกับขอให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เธอเดินทางไปต่อ แต่พวกเขาปฏิเสธ และยืนยันว่าไม่สามารถออกวีซ่าให้กับเธอได้ ราฮาฟ เล่าว่า เธอรู้สึกกลัวมาก ตอนนี้พี่ชายของเธอและคนอื่น ๆ ได้มารอรับเธอที่สนามบินในคูเวตแล้ว ถ้าหากเธอถูกส่งตัวกลับไปหาครอบครัว เธอจะต้องตายแน่นอน เธอมั่นใจว่าเธอคงไม่มีทางรอดชีวิต พ่อคงต้องฆ่าเธอทิ้ง เพราะว่าเขาโกรธมาก

            เด็กสาว เผยอีกว่า เธอขอวีซ่าของออสเตรเลียมาแล้ว และต้องการหลบหนีไปอยู่ในที่ที่รู้สึกปลอดภัย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี แต่ก็จะพยายามสู้อย่างที่สุด โดยเธอได้เขียนข้อความบอกเล่าสถานการณ์ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือ

            ในเวลาต่อมา ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลประจำทวีปเอเชีย หรือเอชอาร์ดับเบิลยูเอ (HRWA - Human Rights Watch Asia) เปิดเผยว่า เขาได้ติดต่อไปยังรัฐบาลไทยเพื่อขอความคุ้มครองให้กับราฮาฟ และยังไม่ให้เธอเดินทางกลับซาอุดีอาระเบีย เพราะการใช้ความรุนแรงเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศแถบตะวันออกกลาง ถ้าหากราฮาฟกลับไปพบครอบครัว เธออาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พ่อของราฮาฟเป็นข้าราชการระดับสูง มีอำนาจ และอาวุโสมากพอที่จะจัดการลูกสาวตัวเองได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่มีใครเข้าไปวุ่นวายได้


https://twitter.com/Reaproy/status/1082096485079048192

            ทวิตเตอร์ของ ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลประจำทวีปเอเชีย เผยคลิปวิดีโอขณะราฮาฟกล่าวร้องขอการลี้ภัย

            ฟิล ยังกล่าวอีกว่า เขาเชื่อว่าสถานการณ์ของราฮาฟนั้นสุ่มเสี่ยงอย่างมาก ทางสนามบินได้ยึดหนังสือเดินทาง และตั๋วเครื่องบินของราฮาฟไปแล้ว เธอจึงไม่สามารถไปไหนได้ พวกเขายังกีดกันไม่ให้เธอทำเรื่องขอลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR-United Nations High Commission For Refugees) ด้วยเช่นกัน ขณะนี้ทางองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลประจำทวีปเอเชีย ได้กดดันให้สหประชาติ (UN - United Nations) ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเรื่องนี้ และเดินทางไปพบราฮาฟที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยเร็วที่สุด

            เดลี่เมลรายงานอ้างอิงจากสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า พ.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ กล่าวว่า ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน วัย 18 ปี ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศไทยจริงเนื่องจากไม่มีวีซ่า โดยเด็กสาวคนดังกล่าวหลบหนีออกมา เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการแต่งงานที่ครอบครัวจัดไว้ให้ และไม่อยากเดินทางกลับ เนื่องจากหวาดกลัวว่าจะเกิดปัญหากับครอบครัว

            จากการตรวจสอบพบว่าราฮาฟไม่มีเอกสารอื่น ๆ ติดตัว ไม่มีตั๋วเครื่องบินขากลับและไม่มีเงินด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เป็นปัญหาครอบครัว และเธอจะถูกส่งตัวกลับโดยสายการบินที่เธอเดินทางมา

 
https://twitter.com/Sophiemcneill/status/1082114498708746241


              ราฮาฟมีกำหนดเดินทางกลับไปยังคูเวต โดยเครื่องบินของสายการบินคูเวต เที่ยวบินที่ 412 ออกเดินทางในเวลา 11.15 น. ตามเวลาประเทศไทย บนทวิตเตอร์ @rahaf8442771 ซึ่งเป็นแอคเคานต์ส่วนตัวของราฮาฟ มีการโพสต์ข้อความระบุว่า เพื่อนของราฮาฟกำลังใช้ทวิตเตอร์นี้เพื่อบอกเล่าข่าวคราวของเธอ เจ้าหน้าที่พยายามนำตัวเธอไปขึ้นเครื่องบิน ไม่ทราบแน่ชัดว่าเครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางไปแล้วหรือไม่ และตอนนี้ราฮาฟกำลังอยู่ในห้องพัก สำหรับความคืบหน้าอื่น ๆ ต้องติดตามต่อไป 



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สาวซาอุฯ วัย 18 หนีจากครอบครัว มาถูกกักตัวที่ไทย หวั่นถูกส่งกลับ กลัวพ่อฆ่าทิ้ง อัปเดตล่าสุด 7 มกราคม 2562 เวลา 14:45:12 23,463 อ่าน
TOP