นักวิทย์ฯ NASA ลงสำรวจหนึ่งในเกาะเกิดใหม่ล่าสุดของโลกครั้งแรก หลังผุดมา 4 ปี แต่ยังอยู่รอด พบหลายสิ่งน่าฉงน มีโคลน ก้อนกรวด แทนทราย มีระบบนิเวศสมบูรณ์อย่างน่าประหลาดใจ
ภาพจาก Dan Slayback / NASA
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น เผยเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับเกาะฮังกา ตองกา (Hunga Tonga) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับประเทศตองกา เกาะแห่งนี้ผุดขึ้นมาจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำเมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2557 ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับทีมนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากปกติแล้ว เกาะที่เกิดในลักษณะนี้ จะถูกกัดเซาะ และจมกลับหายไปในทะเลภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่เกาะฮังกา ตองกา สามารถอยู่รอดมาได้ถึง 4 ปี และเป็นเพียง 1 ใน 3 เกาะใหม่ของโลกในรอบ 150 ปีที่อยู่รอดมาได้
และเมื่อไม่นานมานี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NASA และสถาบันวิจัยทางทะเล (Sea Education Association) เพิ่งจะมีโอกาสได้ลงสำรวจที่เกาะแห่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ก่อนจะนำมาเปิดเผยผ่านทางบล็อกของ NASA เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเกาะแห่งนี้ยังไม่มีแผนที่ แต่ดาวเทียมสามารถถ่ายภาพได้อย่างชัดเจนเรื่อยมา แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ทราบรายละเอียดของมันได้ จึงทำให้ในที่สุดทีมนักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจไปลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจทางธรณีวิทยา ทำแผนที่สามมิติ และเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ศึกษา
โดยการสำรวจในครั้งนี้ ทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน ภายหลังจากได้เห็นว่า บนเกาะที่กำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟเช่นนี้ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีการเติบโตของพืช มีดอกไม้ มีนกทะเลมาสร้างที่อยู่อาศัย และมีนกแสก นอกจากนี้ ยังมีลักษณะภูมิประเทศหลายอย่างที่น่าฉงน ด้าน แดน สเลย์แบ็ก นักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ดของ NASA หนึ่งในทีมสำรวจ เผยว่า ที่หาดบนเกาะแห่งนี้ มีก้อนกรวดขนาดเท่าเมล็ดถั่ว แทนที่จะเป็นทราย มีดินโคลนสีสว่างที่มีความหนืดมาก ซึ่งพวกเขาเองก็ยังสงสัยอยู่เล็กน้อยว่ามันมาจากที่ใด เพราะมันไม่ใช่เถ้าถ่านจากภูเขาไฟ
จากการวิจัยของ NASA เมื่อปี 2559 พบว่า เกาะแห่งนี้อยู่รอดมาได้อย่างน่าแปลกใจ และคาดว่าอาจจะอยู่ต่อไปได้อีก 6-30 ปี อย่างไรก็ดี ภายหลังจากลงพื้นที่ไปสำรวจ ทางนักวิทยาศาสตร์เผยว่า เกาะแห่งนี้ถูกกัดเซาะไวกว่าในช่วงแรกที่พบ เนื่องจากฝนและคลื่นที่ซัดแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายฝั่งทางใต้
