พ่อ แม่ร่ำไห้รับศพลูกชาย นศ. อาชีวะ ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ชี้หากลูกยิงปืนใส่ตำรวจก่อน ก็ไม่ควรยิงโต้กลับ 4 นัด ยันลูกไม่เคยยุ่งยาเสพติด ด้านเพจดังแฉประวัติเคยโดนจับคดียา
โดย พันจ่าอากาศเอก นภัสกร บุญรัตน์ บิดา เปิดเผยผลการชันสูตรว่า ลูกชายสูญเสียโลหิตปริมาณมากในช่องอก จากบาดแผลกระสุนปืนทำร้ายหัวใจและปอด ส่วนผลการชันสูตรอย่างละเอียดคาดว่าจะทราบในอีก 45 วัน พร้อมเรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากผลการตรวจสอบพบว่าลูกชายมีส่วนผิด และเป็นฝ่ายยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ก็พร้อมยอมรับความจริง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการยิงก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ควรยิงสวนกลับมาถึง 4 นัด จึงมองว่าอาจเป็นการจงใจทำให้เสียชีวิต ไม่ใช่แค่จับกุมหรือไม่ จึงอยากให้ตรวจสอบและพิสูจน์ในส่วนนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล
4 นำรถกระบะมาสด้า ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษห7672
กรุงเทพฯ
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดการยิงปะทะกับนักเรียนช่างกลย่านมีนบุรี
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา
เข้าตรวจหาวิถีกระสุนปืนและร่องรอยการยิง รวมถึงเก็บพยานหลักฐานอื่น ๆ
เพิ่มเติมที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าการตรวจพิสูจน์วิถีกระสุนในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบจำนวนกระสุนที่ถูกยิงไปที่รถกระบะ
บริเวณประตูฝั่งคนขับทั้ง 5 นัด ว่ามีการยิงมาจากทิศทางเดียวกันหรือไม่
รวมทั้งระยะห่างไกลจากจุดยิงมากน้อยเพียงใด
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการยิงหวังผลให้เสียชีวิต
ต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานชิ้นอื่น ๆ เพิ่มเติม
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางได้รับพยานหลักฐานมาเพียงแค่รถกระบะเท่านั้น
หลักฐานอื่น ๆ เช่น ปลอกกระสุน หัวกระสุน
ขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจที่เกิดเหตุยังไม่ได้รับมอบ
ซึ่งหากได้รับพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วก็อาจจะสามารถชี้ชัดได้ว่ารอยกระสุนปืนทั้ง 5 นัด มาจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ รวมถึงผู้ที่ก่อเหตุยิงมีกี่คน
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 พันจ่าอากาศเอก นภัสกร บุญรัตน์
พร้อมด้วยนางเจียมใจ บุญรัตน์ พ่อและแม่ของนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี
นักศึกษาเทคโนโลยีบางกะปิ ชั้นปีที่ 4 คณะช่างยนต์
ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตำรวจนครบาล 4
ยิงเสียชีวิต จากการเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคู่อริต่างสถาบัน
หลังกลับจากงานเลี้ยงของสถาบัน เดินทางติดต่อเข้ารับศพนายเอกชัย
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล
โดย พันจ่าอากาศเอก นภัสกร บุญรัตน์ บิดา เปิดเผยผลการชันสูตรว่า ลูกชายสูญเสียโลหิตปริมาณมากในช่องอก จากบาดแผลกระสุนปืนทำร้ายหัวใจและปอด ส่วนผลการชันสูตรอย่างละเอียดคาดว่าจะทราบในอีก 45 วัน พร้อมเรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากผลการตรวจสอบพบว่าลูกชายมีส่วนผิด และเป็นฝ่ายยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ก็พร้อมยอมรับความจริง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการยิงก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ควรยิงสวนกลับมาถึง 4 นัด จึงมองว่าอาจเป็นการจงใจทำให้เสียชีวิต ไม่ใช่แค่จับกุมหรือไม่ จึงอยากให้ตรวจสอบและพิสูจน์ในส่วนนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
พันจ่าอากาศเอก นภัสกร
กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกับคู่กรณี
แต่ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนมีปัญหาทะเลาะก็มีตามประสาเด็กวัยรุ่น แต่ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เพราะลูกชายก็ไม่ได้มาปรึกษาอีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ได้พูดคุยกับลูกตลอด
แม้วันก่อนเกิดเหตุลูกชายไม่ได้กลับมาบ้าน
ภาพจาก สำนักข่าว INN
โดย
พลตำรวจตรี ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ระบุว่า
ขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่และรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
เพื่อส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนในคดี
โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ขอเวลาในการทำงานจึงจะทราบข้อเท็จจริง
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Red Skull ช่วยเหลือเหยื่อจากชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ได้มีการโพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า นายเอกชัย บุญรัตน์
เคยมีประวัติเรื่องยาเสพติด และครอบครองปืนมาแล้ว
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN