x close

หญิงใจสลาย รู้แม่ผัวฆ่าสะใภ้คนเล็ก แต่น้ำท่วมปาก บอกใครไม่ได้ กลัวตายเหมือนกัน

 

            หญิงอังกฤษเชื้อสายอินเดีย บอกเล่าเหตุการณ์ร้ายในอดีต น้องสามีและแม่สามี ฆ่าสะใภ้คนเล็กตาย เหตุทำตัวทันสมัย สร้างความอับอายแก่ครอบครัว เผยเก็บงำความจริงมากว่า 20 ปี บอกใครไม่ได้ กลัวตายเหมือนกัน

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

              เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า สารภิต อัธวาล หญิงอังกฤษเชื้อสายอินเดีย วัย 49 ปี ได้บอกเล่าเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นในครอบครัว โดยครอบครัวของสามีได้ฆ่าน้องสะใภ้ของเธอตาย เธอรู้เรื่องนี้มาก่อนว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่สามารถปริปากบอกใครได้ เพราะไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะต้องตายตามไปด้วย และความทรงจำเลวร้ายนี้ยังคงหลอกหลอนอยู่ในใจเธอ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายปีก็ตาม

              เรื่องราวอันโหดร้ายนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายทศวรรษก่อน โดยสารภิตกับสุรจิตเกิดและเติบโตในครอบครัวชาวอินเดียที่ย้ายมาอาศัยในประเทศอังกฤษทั้งคู่ และมาเกี่ยวดองกัน เพราะพวกเธอเป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวอัธวาล โดยพ่อแม่จัดให้สารภิตแต่งงานกับลูกชายคนโตของบ้านนี้ ตอนที่เธออายุ 19 ปี ส่วนสุรจิตแต่งงานกับ สุขเทพ อัธวาล ลูกชายคนเล็ก ตอนที่เธออายุแค่เพียง 16 ปี เท่านั้น

              สาเหตุที่ครอบครัวตัดสินใจให้ลูกสาวแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะว่าครอบครัวของลูกเขยเป็นชาวอินเดียเหมือนกัน พวกเขามีฐานะดี และ ภาจัน แม่ของสุขเทพ ก็ดูเป็นผู้หญิงจิตใจดีมีเมตตาอีกด้วย แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว แม่สามีคนนี้ก็แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา เธอโหดร้ายมาก บงการชีวิตทุกอย่างของลูกสะใภ้ทั้งสอง ตั้งแต่การแต่งตัว ไปจนถึงวิธีการเลี้ยงดูลูก และไม่ยอมปล่อยให้กลับไปหาครอบครัว

              "ทุกอย่างมันแย่มากค่ะ สุรจิตไม่เคยอยากแต่งงานกับสุขเทพ ครอบครัวของเธอเป็นคนจัดการทุกอย่าง และคลุมถุงชนเธอ แต่เธอก็ยังมีความหวัง คิดว่าแม่สามีจะเป็นคนดี แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากเธอคลอดลูกชายคนแรก แม่สามีก็เอาลูกไปเลี้ยงดูเอง ฉันเองก็เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้เหมือนกัน โดนเหมือนกัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันกับเธอให้นมลูกจากเต้า แม่สามีก็จะเข้ามาต่อว่า และให้เราเอานมผงชงใส่ขวดให้ลูกกิน" สารภิต เล่า

              สุขเทพ สามีของสุรจิต ก็เลวร้ายไม่แพ้แม่ของเขา เขาเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับเธอ และแม่ก็สนับสนุน สั่งให้เขาตบตีภรรยาทุกครั้งที่เธอมีปากเสียง และเมื่อใดก็ตามที่เธอขัดขืน เธอก็จะถูกทำร้ายจนร่วงลงไปกองกับพื้น ความเจ็บปวดเหล่านี้ทำให้ชีวิตแต่งงานของสุรจิตขมขื่นมาก สารภิตเองก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกัน หญิงสาวทั้งสองต่างก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งคู่ ได้แต่ปลอบใจซึ่งกันและกัน

              แต่สิ่งที่ทั้งสองคนแตกต่างกันก็คือ สารภิตก้มหน้าก้มตารับกรรมโดยไม่ปริปากบ่น ในขณะที่สุรจิตไม่ยินยอมเป็นทุกข์ เธอเริ่มต่อต้านสามีและแม่สามีทีละนิดและทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอด นั่นคือการออกไปหางานทำ เพราะแม่สามีบังคับให้เธอเป็นแม่ศรีเรือนเลี้ยงลูกอยู่ในบ้านมาโดยตลอด ด้วยความที่เธอยังเป็นหญิงสาวอายุน้อย เติบโตในครอบครัวชาวอินเดียที่เคร่งครัด อีกทั้งยังแต่งงานกับครอบครัวที่เข้มงวด การได้ออกไปผจญโลกภายนอกคือการเปิดโลกของเธออย่างแท้จริง

              สุรจิตได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรอยู่ในกรุงลอนดอน เธอได้พบกับสังคมที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน และได้เรียนรู้ว่าผู้หญิงอังกฤษแตกต่างจากสิ่งที่เธอเติบโตมามาก เธอเปลี่ยนมาแต่งกายแบบสาวตะวันตก แต่งหน้า ทำผม มีเพื่อนฝูง ได้ไปเที่ยวสนุกสนานเฮฮา ได้ดื่มเหล้าสังสรรค์และไปเที่ยวผับเป็นครั้งแรก ไลฟ์สไตล์เหล่านี้สร้างความตกอกตกใจให้แก่ครอบครัวสามีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้กับการกระทำเช่นนี้ เพราะมองว่าเป็นการสร้างความเสื่อมเสีย และนำพาความอับอายขายหน้ามาสู่วงศ์ตระกูล แต่ก็ยังคิดหาทางแก้ปัญหานี้ไม่ได้

              กระทั่งเมื่อสุรจิตตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง เธอก็หมดความอดทนกับสามี เธอเอ่ยปากขอหย่า และหนีกลับไปอยู่กับพ่อแม่ แต่สุขเทพไปง้องอนให้เธอกลับมา กล่าวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น และให้สัญญาว่าจะซื้อบ้านใหม่ให้ สุรจิตยอมใจอ่อนกลับมา สามีจึงซื้อบ้านหลังใหม่ที่อยู่ติดกัน เพื่อให้เธอและลูกสาว วัย 2 ขวบ เข้าไปอาศัยอยู่ ทุกอย่างเหมือนจะดีแต่ไม่เลย

              สุขเทพโหดร้ายยิ่งกว่าเดิมเพราะรู้ว่าภรรยาหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เขาทุบตีเธอทุกวัน แม่ของเขาก็เข้ามาผสมโรงด้วย สารภิตที่อยู่บ้านใกล้ ๆ ได้ยินเสียงความโหดร้ายนี้ทุกอย่าง เธอรู้สึกพะอืดพะอมและเศร้ามาก เพราะน้องสะใภ้ถูกทำร้ายทั้งที่กำลังท้อง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

              ต่อมาสุรจิตคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย ภาจันยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธออยากได้หลานชายมานานแล้ว และเธอก็คิดกำจัดลูกสะใภ้เลว ๆ คนนี้ทันที เพราะคิดว่าสุรจิตไร้ค่าแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ขายหน้าครอบครัว ภาจันกล่าวกับลูกสะใภ้ว่ายินดีจะให้เธอหย่า ส่วนลูก ๆ ทั้งสอง ครอบครัวของเธอจะเป็นคนดูแลเอง

              ในวันหนึ่งของปี 2541 ภาจันกับลูกชายทั้งสองคน ได้เชิญสารภิตมานั่งดื่มน้ำชาด้วยกัน สารภิตก็งงเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสะใภ้ไม่ถูกเชิญมาด้วย และเธอก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาบอกเธอว่ากำลังวางแผนฆ่าสุรจิต เพราะนำพาความอับอายมาสู่ครอบครัว และกำหนดวันจัดการเอาไว้แล้ว ถ้าสารภิตปริปากบอกใคร ชะตากรรมที่เธอจะได้รับก็คือความตายเช่นเดียวกัน

              โดยในสองสัปดาห์ต่อมา ภาจันเอ่ยปากชวนสุรจิตไปร่วมงานแต่งงานที่อินเดีย สารภิตมองดูน้องสะใภ้ออกไปจากบ้านด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังจะไปตาย ครอบครัวของสุรจิตก็รับรู้ว่าเธอจะไปอินเดีย พี่ชายของเธอไม่อยากให้ไป เพราะสังหรณ์ใจไม่ดี แต่คนในบ้านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะสุรจิตแค่ไปเป็นเพื่อนแม่สามีเท่านั้น

              หลังจากภาจันและสุรจิตออกไปจากบ้าน สารภิตได้โทร. แจ้งตำรวจ และฝากข้อความเสียงเอาไว้ เล่าทุกอย่างที่ตัวเองรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น เมื่อภาจันกลับบ้านมาโดยลำพัง สารภิตก็รับรู้ว่าสิ่งที่เธอกลัวมันเกิดขึ้นจริง แม่สามีก็บอกเธอหน้าตาเฉยว่าจับสุรจิตโยนแม่น้ำและเธอก็ตายไปแล้ว อีกทั้งกำชับว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้นเธอจะตายตามไปด้วย สารภิตจึงต้องเก็บทุกอย่างเป็นความลับมาโดยตลอด
             
              จนกระทั่งปี 2547 เธอถึงกล้าบอกความจริงให้ครอบครัวสุรจิตรับรู้ พวกเขาจึงดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้สุรจิต โดยได้รับข้อมูลการช่วยเหลือจากสารภิต และเธอก็ต้องพาลูก ๆ หนีไปอยู่ที่อื่น เพราะถูกขู่ฆ่า กระทั่งปี 2550 สุขเทพ ในวัย 43 ปี และภาจัน ในวัย 70 ปี ก็ถูกจับกุม

              สุขเทพและภาจันไม่ยอมรับผิด อีกทั้งอ้างว่าสารภิตสติฟั่นเฟือนจนมโนทุกอย่างไปเอง ด้วยเหตุนี้ สารภิตจึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจิตเพื่อยืนยันว่าเธอปกติดี จนสามารถให้การได้ ส่วนสุขเทพและภาจันก็ถูกลงโทษตามกฎหมาย โดยสุขเทพถูกจำคุก 20 ปี ส่วนภาจันถูกจำคุก 27 ปี
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หญิงใจสลาย รู้แม่ผัวฆ่าสะใภ้คนเล็ก แต่น้ำท่วมปาก บอกใครไม่ได้ กลัวตายเหมือนกัน อัปเดตล่าสุด 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10:34:24 33,430 อ่าน
TOP