คู่สามีภรรยาชาว จ.แพร่ ฆ่าตัวตาย ด้วยการจุดเตารมควันในรถ เผยภรรยาเป็นเท้าแชร์ 150 วงแชร์ บนเฟซบุ๊ก หมุนเงินจ่ายลูกแชร์ไม่ทัน หนี้ท่วม 10 ล้าน ก่อนตายสั่งลาพี่สาว กอดคอร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือร้านหนึ่ง ตั้งอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อ ในพื้นที่ ต.ดอนมูล อ.สูงเม่น จ.แพร่ ร้านดังกล่าวเป็นบ้านของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ซึ่งร้านถูกปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ จากการสอบถามนางสมนึก แซ่จึง อายุ 56 ปี เพื่อนบ้าน ได้ความว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาประมาณ 7 ปี แล้ว
นางสมนึก กล่าวว่า ตนมองว่ากิจการร้านขายโทรศัพท์มือถือของทั้งคู่น่าจะเป็นงานอดิเรก เพราะไม่ได้เปิดร้านตลอดเวลา บางวันปิด บางวันเปิด ไม่แน่ไม่นอน ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้ง 2 คนก็เปิดร้าน และมาทราบอีกครั้งว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนรายได้หลักของทั้ง 2 คน ตนคิดว่าน่าจะมาจากการเล่นแชร์ และอาจมีปัญหาเกิดขึ้น
สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่เคยมีประวัติฉ้อโกง ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านหรือติดหนี้ใคร ตนก็เห็นใช้ชีวิตหรูหรามีความสุขดีทั้งครอบครัว อีกทั้งยังมีนิสัยใจคอดีทั้งสองคน เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ช่วงหลัง ๆ ตนสังเกตได้ว่านายเสกสรรค์มีอาการซึมกว่าปกติและร่างกายซูบผอม
นางสมนึก ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการเล่นแชร์นั้น ตนรับรู้มาว่าเล่นมาประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งนางแพรวพรรณได้เปิดบ้านแชร์เป็นของตัวเองและเป็นเท้าแชร์ ไม่กี่เดือนก่อน นางแพรวพรรณได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศล้มบ้านแชร์ ขอยุติการแชร์ทั้งหมด แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง ก็ได้โพสต์ประกาศเปิดวงแชร์ใหม่อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นางแพรวพรรณก็เคยบ่นให้ตนฟังว่าถูกโกงเงิน คนไม่จ่ายค่าแชร์เยอะ เรื่องนี้ทำให้ตนคิดว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน หรือหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งตนก็ได้แต่ให้กำลังใจ และตนยังเคยพบเห็นคนเดินทางมายึดเอาทรัพย์สินของทั้ง 2 คนหลายอย่าง ทั้งรถกระบะโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายใบ
ด้าน นางอุทุมพร วงจักร อายุ 45 ปี ลูกแชร์ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนร่วมลงแชร์กับนางแพรวพรรณ มานานกว่า 1 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา จ่ายครบตรงเวลามาตลอด ก่อนที่จะตัดสินใจเล่นแชร์ ก็รู้จักกับนางแพรวพรรณและสามีมานาน จนมั่นใจ คิดว่าเท้าแชร์เชื่อถือได้ จนกระทั่งช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางแพรวพรรณประกาศล้มบ้านแชร์ เนื่องจากหมุนเงินไม่ทัน ตนและลูกแชร์หลาย ๆ คนจึงเริ่มไม่เชื่อใจในตัวเท้าแชร์คนนี้และถอนตัวไป ไม่ลงเล่นอีก
ทั้งนี้ มีสมาชิกวงแชร์ทั้งหมด 150 วง มีผู้เสียหายมารวมตัว 109 คน ยอดหนี้รวมกันกว่า 10 ล้านบาท ยังไม่รวมกับลูกหนี้ที่ยังไม่แสดงตัวอีกหลายราย คาดว่าหนี้ทะลุเกินไปมากกว่านั้น โดยหนึ่งในผู้เสียหายมียอดหนี้ยังไม่ได้รับเงินจากเท้าแชร์ จำนวน 480,000 บาท สำหรับตนมียอด 70,000 บาท
ตนคิดว่าปัญหานี้ทำให้เท้าแชร์เกิดความเครียด เพราะไม่สามารถหาเงินมาหมุนเวียนในวงแชร์ได้ หลังจากที่เท้าแชร์เสียชีวิตไป กลุ่มแชร์ก็ถูกปิด สมาชิกทั้งหมดก็ออกจากกลุ่ม หลายคนที่จะดำเนินคดีก็ถอนตัวไม่เอาความ บางคนก็ขออโหสิกรรม และไม่เอาเงินคืน ตนก็ขออโหสิกรรมผู้เสียชีวิตเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตนก็ตั้งใจจะเดินทางไปกราบศพเป็นครั้งสุดท้าย เพื่ออโหสิกรรม และไม่ให้มีอะไรติดค้างกันอีก
ทางด้าน นางศิริพร สายทอง พี่สาวนางแพรวพรรณ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว น้องสาวเข้ามาปรึกษาตนว่าจะเล่นแชร์ต่อดีหรือไม่ อยากเลิกแต่ก็เห็นใจลูกแชร์ที่ยังไม่ได้รับเงิน น้องสาวตั้งใจว่าจะจ่ายเงินแชร์ทั้งหมดทุกคน ไม่ได้มีเจตนาโกง แต่ประสบปัญหาด้านการเงิน และจัดการเงินแชร์ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เริ่มเล่นแชร์มาจนถึงปัจจุบัน น้องสาวใช้เงินเก็บส่วนตัวในการหมุนเงินในวงแชร์มาตลอด จนกระทั่งเงินหมดไม่มีเหลือ
น้องสาวได้เริ่มขอยืมเงินญาติพี่น้องไปหมุนในวงแชร์ แต่ก็ไม่เพียงพอ ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้ ทรัพย์สินต่าง ๆ เครื่องประดับ ทองที่มี ก็นำไปขายจนหมด นอกจากนี้แล้ว ทั้งบ้าน รถยนต์ และที่ดิน ก็เอาไปเข้าไฟแนนซ์ทั้งหมด จนเริ่มถูกยึดไปทีละอย่าง
ในวันที่ 3 มีนาคม เวลาประมาณ 05.00 น. หลานของตน ซึ่งเป็นลูกของน้องสาว ได้มาหาตนที่บ้าน ตนก็แปลกใจว่าทำไมน้องสาวให้ลูกออกมาแต่เช้า ตนจึงโทร. ไปหาน้องสาว จึงมารู้ว่าหลอกให้ลูกออกไปจากบ้าน เพราะน้องสาวกับสามีพยายามฆ่าตัวตาย บอกว่า "ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้แล้ว ฝากลูก ฝากพ่อแม่ด้วย" ตนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทั้ง 2 คนกลับมาตั้งหลัก และปรึกษาหาทางออกกันใหม่
หลังจากนั้นจึงรีบไปที่บ้านน้องสาวทันที พบว่ามีเชือกแขวนอยู่ 2 เส้น น้องสาวกับน้องเขยกำลังจะผูกคอตาย แต่ตนห้ามไว้ได้ทัน หลังจากนั้นน้องสาวได้โพสต์แจ้งลูกแชร์ในวงว่า จะทยอยหาเงินจ่ายให้ครบทุกคน ซึ่งก็มีทั้งลูกแชร์ที่เข้าใจและไม่เข้าใจ บางส่วนก็กดดัน ขู่ว่าจะแจ้งความ และเอาตำรวจมาบ้าน
นางศิริพร เล่าต่อว่า ในวันที่ 4 มีนาคม เวลาประมาณ 03.00 น. น้องสาวพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ตนตื่นขึ้นมาเห็นน้องสาวกำลังใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดคอตัวเองต่อหน้าต่อตา จึงรีบเข้าไปห้าม และหลังจากที่พยายามฆ่าตัวตายมา 2 ครั้ง ตนได้นั่งเปิดใจพูดคุยกับน้องสาว ตนถามว่า "จะอยู่หรือไป" น้องสาวบอกกับตนว่า "ไม่อยากอยู่"
น้องสาวของตนสงสารครอบครัวที่ต้องมาเดือดร้อน เพราะลูกแชร์บางคนเข้าใจผิด คิดว่าเท้าแชร์เอาเงินในวงแชร์ไปใช้ เอาไปสร้างบ้านให้พี่สาว 2 คน ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง น้องสาวไม่เคยนำเงินมาให้ตนเลยสักบาทเดียว จากนั้นเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 5 มีนาคม น้องสาวและน้องเขย ตื่นแต่เช้ามืด เข้ามาขอยืมกุญแจรถยนต์กับตน บอกว่า "จะไม่ฆ่าตัวตายต่อหน้าลูกที่บ้าน แต่จะออกไปทำข้างนอก"
นางศิริพร เผยว่า ด้วยความที่ทั้ง 2 คนพยายามจบชีวิตตัวเองมาหลายครั้ง และตนก็เคยพยายามห้ามปรามมาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงยืนยันว่าไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ตนจึงได้คุยกับทั้งคู่และมีการสั่งเสียกัน น้องสาวบอกตนว่า "โลกที่อยู่ มันไม่ใช่โลกที่สวยงาม จะขอไปอยู่โลกของตัวเอง และยืนยันไม่ขอต่อสู้คดี เพราะจะสร้างความเดือดร้อน" หลังจากนั้นตนก็ได้กอดคอร้องไห้ ร่ำลากับน้องสาว น้องสาวพูดก่อนจะออกเดินทางไปว่า "ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันอีกนะ"
ต่อมาเวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้โทร. หาน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย และได้รับรู้ว่าน้องสาวกับสามีกำลังมุ่งหน้าไป จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากน้องสาวเป็นคนชอบทำบุญ ตนจึงบอกว่า "ถ้าหากคิดจะทำอะไร ก็ให้แวะไปที่วัดก่อน"
นางศิริพร เผยว่า ตอนนั้นยอมรับว่าตนเตรียมใจไว้แล้ว และคิดไว้แล้วว่าทั้งคู่ต้องขับรถออกไปฆ่าตัวตายแน่นอน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้องสาวตัดสินใจจบชีวิต คงเป็นเพราะถูกขู่ว่าจะทำให้ครอบครัวเสียหาย และอับอาย ทำให้น้องสาวไม่อยากอยู่อีกต่อไป ทั้งนี้ น้องสาวของตนเป็นคนดี ไม่อยากให้ใครลำบากเดือดร้อน แม้แต่ตอนที่จะฆ่าตัวตาย ก็ยังเลือกวิธีรมควันฆ่าตัวตายบนรถยนต์ของตัวเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
วันที่ 9 มีนาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี รายงานความคืบหน้ากรณีพบศพสองสามีภรรยา นายเสกสรรค์ มังกร อายุ 42 ปี และนางแพรวพรรณ มังกร อายุ 43 ปี ในรถยนต์คันหนึ่ง หลังฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับ และจุดเตารมควันภายในรถยนต์จนเสียชีวิต ส่วนปมเหตุนั้นคาดว่าเกิดจากการที่ทั้งคู่ถูกโกงแชร์ หาเงินหมุนไม่ทันกว่า 10 ล้าน จนต้องล้มแชร์ และนางแพรวพรรณ ที่เป็นเท้าแชร์ ของวงแชร์ 150 วง ก็ถูกลูกแชร์จำนวนมากแจ้งความดำเนินคดี [อ่านข่าว : ผัว-เมียเครียดจัด ! โดนโกงแชร์กว่า 10 ล้าน หมุนเงินใช้หนี้ไม่ทัน รมควันฆ่าตัวตายคู่]
ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือร้านหนึ่ง ตั้งอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อ ในพื้นที่ ต.ดอนมูล อ.สูงเม่น จ.แพร่ ร้านดังกล่าวเป็นบ้านของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ซึ่งร้านถูกปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ จากการสอบถามนางสมนึก แซ่จึง อายุ 56 ปี เพื่อนบ้าน ได้ความว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาประมาณ 7 ปี แล้ว
นางสมนึก แซ่จึง เพื่อนบ้านผู้เสียชีวิต : ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
นางสมนึก กล่าวว่า ตนมองว่ากิจการร้านขายโทรศัพท์มือถือของทั้งคู่น่าจะเป็นงานอดิเรก เพราะไม่ได้เปิดร้านตลอดเวลา บางวันปิด บางวันเปิด ไม่แน่ไม่นอน ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้ง 2 คนก็เปิดร้าน และมาทราบอีกครั้งว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนรายได้หลักของทั้ง 2 คน ตนคิดว่าน่าจะมาจากการเล่นแชร์ และอาจมีปัญหาเกิดขึ้น
สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่เคยมีประวัติฉ้อโกง ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านหรือติดหนี้ใคร ตนก็เห็นใช้ชีวิตหรูหรามีความสุขดีทั้งครอบครัว อีกทั้งยังมีนิสัยใจคอดีทั้งสองคน เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ช่วงหลัง ๆ ตนสังเกตได้ว่านายเสกสรรค์มีอาการซึมกว่าปกติและร่างกายซูบผอม
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ก่อนหน้านี้นางแพรวพรรณก็เคยบ่นให้ตนฟังว่าถูกโกงเงิน คนไม่จ่ายค่าแชร์เยอะ เรื่องนี้ทำให้ตนคิดว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน หรือหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งตนก็ได้แต่ให้กำลังใจ และตนยังเคยพบเห็นคนเดินทางมายึดเอาทรัพย์สินของทั้ง 2 คนหลายอย่าง ทั้งรถกระบะโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายใบ
ด้าน นางอุทุมพร วงจักร อายุ 45 ปี ลูกแชร์ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนร่วมลงแชร์กับนางแพรวพรรณ มานานกว่า 1 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา จ่ายครบตรงเวลามาตลอด ก่อนที่จะตัดสินใจเล่นแชร์ ก็รู้จักกับนางแพรวพรรณและสามีมานาน จนมั่นใจ คิดว่าเท้าแชร์เชื่อถือได้ จนกระทั่งช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางแพรวพรรณประกาศล้มบ้านแชร์ เนื่องจากหมุนเงินไม่ทัน ตนและลูกแชร์หลาย ๆ คนจึงเริ่มไม่เชื่อใจในตัวเท้าแชร์คนนี้และถอนตัวไป ไม่ลงเล่นอีก
นางอุทุมพร วงจักร อายุ 45 ปี ลูกแชร์ผู้เสียหาย : ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ตนคิดว่าปัญหานี้ทำให้เท้าแชร์เกิดความเครียด เพราะไม่สามารถหาเงินมาหมุนเวียนในวงแชร์ได้ หลังจากที่เท้าแชร์เสียชีวิตไป กลุ่มแชร์ก็ถูกปิด สมาชิกทั้งหมดก็ออกจากกลุ่ม หลายคนที่จะดำเนินคดีก็ถอนตัวไม่เอาความ บางคนก็ขออโหสิกรรม และไม่เอาเงินคืน ตนก็ขออโหสิกรรมผู้เสียชีวิตเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตนก็ตั้งใจจะเดินทางไปกราบศพเป็นครั้งสุดท้าย เพื่ออโหสิกรรม และไม่ให้มีอะไรติดค้างกันอีก
นางศิริพร สายทอง พี่สาวนางแพรวพรรณ ผู้เสียชีวิต : ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ทางด้าน นางศิริพร สายทอง พี่สาวนางแพรวพรรณ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว น้องสาวเข้ามาปรึกษาตนว่าจะเล่นแชร์ต่อดีหรือไม่ อยากเลิกแต่ก็เห็นใจลูกแชร์ที่ยังไม่ได้รับเงิน น้องสาวตั้งใจว่าจะจ่ายเงินแชร์ทั้งหมดทุกคน ไม่ได้มีเจตนาโกง แต่ประสบปัญหาด้านการเงิน และจัดการเงินแชร์ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เริ่มเล่นแชร์มาจนถึงปัจจุบัน น้องสาวใช้เงินเก็บส่วนตัวในการหมุนเงินในวงแชร์มาตลอด จนกระทั่งเงินหมดไม่มีเหลือ
น้องสาวได้เริ่มขอยืมเงินญาติพี่น้องไปหมุนในวงแชร์ แต่ก็ไม่เพียงพอ ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้ ทรัพย์สินต่าง ๆ เครื่องประดับ ทองที่มี ก็นำไปขายจนหมด นอกจากนี้แล้ว ทั้งบ้าน รถยนต์ และที่ดิน ก็เอาไปเข้าไฟแนนซ์ทั้งหมด จนเริ่มถูกยึดไปทีละอย่าง
ในวันที่ 3 มีนาคม เวลาประมาณ 05.00 น. หลานของตน ซึ่งเป็นลูกของน้องสาว ได้มาหาตนที่บ้าน ตนก็แปลกใจว่าทำไมน้องสาวให้ลูกออกมาแต่เช้า ตนจึงโทร. ไปหาน้องสาว จึงมารู้ว่าหลอกให้ลูกออกไปจากบ้าน เพราะน้องสาวกับสามีพยายามฆ่าตัวตาย บอกว่า "ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้แล้ว ฝากลูก ฝากพ่อแม่ด้วย" ตนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทั้ง 2 คนกลับมาตั้งหลัก และปรึกษาหาทางออกกันใหม่
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
นางศิริพร เล่าต่อว่า ในวันที่ 4 มีนาคม เวลาประมาณ 03.00 น. น้องสาวพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ตนตื่นขึ้นมาเห็นน้องสาวกำลังใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดคอตัวเองต่อหน้าต่อตา จึงรีบเข้าไปห้าม และหลังจากที่พยายามฆ่าตัวตายมา 2 ครั้ง ตนได้นั่งเปิดใจพูดคุยกับน้องสาว ตนถามว่า "จะอยู่หรือไป" น้องสาวบอกกับตนว่า "ไม่อยากอยู่"
น้องสาวของตนสงสารครอบครัวที่ต้องมาเดือดร้อน เพราะลูกแชร์บางคนเข้าใจผิด คิดว่าเท้าแชร์เอาเงินในวงแชร์ไปใช้ เอาไปสร้างบ้านให้พี่สาว 2 คน ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง น้องสาวไม่เคยนำเงินมาให้ตนเลยสักบาทเดียว จากนั้นเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 5 มีนาคม น้องสาวและน้องเขย ตื่นแต่เช้ามืด เข้ามาขอยืมกุญแจรถยนต์กับตน บอกว่า "จะไม่ฆ่าตัวตายต่อหน้าลูกที่บ้าน แต่จะออกไปทำข้างนอก"
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ต่อมาเวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้โทร. หาน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย และได้รับรู้ว่าน้องสาวกับสามีกำลังมุ่งหน้าไป จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากน้องสาวเป็นคนชอบทำบุญ ตนจึงบอกว่า "ถ้าหากคิดจะทำอะไร ก็ให้แวะไปที่วัดก่อน"
นางศิริพร เผยว่า ตอนนั้นยอมรับว่าตนเตรียมใจไว้แล้ว และคิดไว้แล้วว่าทั้งคู่ต้องขับรถออกไปฆ่าตัวตายแน่นอน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้องสาวตัดสินใจจบชีวิต คงเป็นเพราะถูกขู่ว่าจะทำให้ครอบครัวเสียหาย และอับอาย ทำให้น้องสาวไม่อยากอยู่อีกต่อไป ทั้งนี้ น้องสาวของตนเป็นคนดี ไม่อยากให้ใครลำบากเดือดร้อน แม้แต่ตอนที่จะฆ่าตัวตาย ก็ยังเลือกวิธีรมควันฆ่าตัวตายบนรถยนต์ของตัวเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








