
ฝูงคางคกต้นอ้อยบุกรัฐฟลอริดา ในสหรัฐฯ มากันเป็นหมื่น ยั้วเยี้ยเต็มสนามหญ้า ในสระว่ายน้ำก็มี เผยเป็นคางคกมีพิษ เป็นอันตรายต่อสัตว์และคน หวั่นแพร่พันธุ์เพิ่มอีก
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 เว็บไซต์นิวส์วีก รายงานว่า เกิดปรากฏการณ์ฝูงคางคกต้นอ้อย (cane toads) จำนวนมหาศาล ยกพลบุกเข้ามาในหลายพื้นที่ของเมืองปาล์ม บีช การ์เด้นส์ ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ฝูงสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเหล่านี้สร้างความแตกตื่นตกใจและหวาดผวาให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกมันเป็นคางคกที่สามารถปล่อยพิษออกมาทางผิวหนังได้ ซึ่งรุนแรงมากพอที่จะฆ่าสัตว์ให้ตาย และเป็นอันตรายกับสุนัขด้วยเช่นกัน
ภาพและคลิปวิดีโอที่แชร์บนสังคมออนไลน์ เผยให้เห็นภาพสุดสะพรึงของเหล่าคางคกพิษที่บุกเข้ามาในที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน โดยเฉพาะในย่านมิราเบลลา ซึ่งมีคางคกโผล่มาทักทายนับพันนับหมื่นตัว ผู้คนสามารถพบเห็นฝูงคางคกได้แทบทุกที่ ทั้งในสวนหลังบ้านและในสระว่ายน้ำ
เจนนี ควาชา หนึ่งในชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ลูกสาวของเธอกลับมาอยู่บ้าน และลูกสาวหวาดผวามาก ไม่กล้าออกไปนอกบ้าน เพราะมีคางคกต้นอ้อยอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเธอเชื่อว่าทะเลสาบในชุมชนน่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของคางคกเหล่านี้
เมลินดา ชูแมน นักชีววิทยาประจำศูนย์ธรรมชาติเซาท์เวสต์ ฟลอริดา ให้ความเห็นว่า คางคกต้นอ้อยไม่ใช่สัตว์พื้นเมืองของรัฐฟลอริดา และที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่เดิมของพวกมัน คางคกชนิดนี้น่าจะอพยพเข้ามายังรัฐฟลอริดาในช่วงทศวรรษที่ 1950 หรือประมาณ 70 ปีที่แล้ว การกำจัดพวกมันทั้งหมดให้ออกไปจากพื้นที่ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากมีการวิจัยและจัดการอย่างจริงจัง ทางรัฐก็อาจจะสามารถควบคุมปริมาณของพวกมันได้
เมลินดา กล่าวอีกว่า คางคกต้นอ้อยเป็นคางคกพิษก็จริง แต่พวกมันปล่อยพิษออกมาที่ผิวหนังเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ไม่สามารถพ่นพิษออกมาได้ ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก ๆ จับคางคกต้นอ้อยด้วยมือเปล่า เพราะพิษของมันสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองตา จมูก ปาก รวมทั้งบาดแผลเปิด
ขณะที่ มาร์ค ฮอลลาเดย์ หัวหน้าทีมเทคนิคของบริษัทกำจัดคางคก โทด บัสเตอร์ส (Toad Busters) เปิดเผยว่า สาเหตุที่จำนวนประชากรคางคกเพิ่มขึ้นมาก เป็นเพราะสภาพอากาศของฤดูหนาวที่อุ่นกว่าปกติ บวกกับฝนที่ตกกระหน่ำลงมาใน 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว สิ่งนี้เป็นตัวเร่งการผสมพันธุ์ของคางคก ทำให้พวกมันผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด
ทางด้าน ลิซ อีแกน ตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ โทด บัสเตอร์ส เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า พายุคางคก (toads vortex) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกับ โพลาร์ วอร์เท็กซ์ (polar vortex) หรือมวลขั้วโลกที่่ส่งผลให้เกิดภัยหนาวรุนแรงในสหรัฐฯ ปกติแล้วคางคกจำนวนมากจะตายลงในช่วงหน้าหนาว แต่ปีนี้สภาพอากาศในหน้าหนาวที่ฟลอริดาอุ่นกว่าปกติ คางคกจึงไม่ค่อยตาย
ลิซ กล่าวอีกว่า มีคนโทร. เข้ามาร้องเรียนและขอความช่วยเหลือเรื่องคางคกอยู่ตลอดเวลาจนสายแทบไหม้ ประชาชนในทุก ๆ เขตต่างได้รับความเดือดร้อนจากคางคกเหล่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น และปัญหาที่หนักใจกว่านี้ก็คือ ในอีกประมาณ 20 กว่าวันข้างหน้า จะมีลูกคางคกเกิดใหม่ฟักตัวเพิ่มขึ้นอีก ปริมาณพวกมันจะเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุก ๆ ชุมชนทั่วรัฐฟลอริดา
ทางนิวส์วีกได้ติดต่อไปยังหน่วยงานหลายแห่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งสำนักงานควบคุมศัตรูพืชและสิ่งแวดล้อมรัฐฟลอริดา คณะกรรมการอนุรักษ์ปลาและสัตว์ป่ารัฐฟลอริดา รวมทั้งกรรมาธิการสาธารณสุขปาล์มบีชเคาน์ตี แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ
ทางด้าน แลง เมเนจเมนต์ หน่วยงานบริหารจัดการที่อยู่อาศัยและชุมชน กล่าวว่า ความเห็นของชาวบ้านที่ว่าคางคกพิษเกิดมาจากทะเลสาบของหมู่บ้านนั้นไม่เป็นความจริง ระบบสิ่งแวดล้อมของทะเลสาบปกติดี และไม่ใช่แหล่งเพาะพันธุ์คางคก พร้อมแนะนำประชาชนให้หาทางป้องกันไม่ให้คางคกเข้ามาในพื้นที่ที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ อย่าวางชามอาหารหรือน้ำของสัตว์เลี้ยงเอาไว้นอกบ้าน เพื่อไม่ให้คางคกลงไปนอนแช่จนปล่อยพิษออกมา
ทั้งนี้ คางคกต้นอ้อยดังกล่าวเป็นเพียงแค่ลูกคางคก ซึ่งในจำนวนนี้จะเหลือรอดไปจนโตเต็มวัยไม่มาก ส่วนใหญ่จะตายไปก่อน
ภาพจาก cbs12.com






