พล.อ. อภิรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก เตือนนักเรียนทุนที่จบนอก หยุดดัดจริต คิดเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam
วันที่ 2 เมษายน 2562 วาสนา นาน่วม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam รายงานว่า พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
เดินทางมาเป็นประธานในพิธีวันสถาปนากองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ครบรอบ 112 ปี
ที่จัดขึ้นที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ โดยมีทั้งองคมนตรี
และอดีตผู้บัญชาการทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
โดย พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวบนเวทีในตอนหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ว่า บรรดานักเรียนนอกที่ได้ทุนหลวงแล้วเรียนจบมา อย่าดัดจริต ที่จะคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย ไม่ว่าจะไปเรียนระบอบประชาธิปไตยของประเทศใดมาก็ตาม อย่าซ้ายจัด
"เราอยู่กันแบบไทย ๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ขอให้รักกันนะครับ ท่านจะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศ.. ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เอาเขามาแล้วมาดูด้วยว่าควรจะมาดัดแปลงอะไรยังไง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัด ที่เรียนมาแล้วดัดจริต"
ก่อนทิ้งท้ายว่า ยอมรับว่าโซเชียลมีเดีย ถือเป็นอาวุธที่ร้ายแรงกว่าอาวุธใด ๆ ที่กองทัพมีอยู่ กองทัพมีจุดอ่อนในการใช้โซเชียล แต่สื่อมีพร้อมเข้าถึงประชาชนมากกว่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam
โดย พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวบนเวทีในตอนหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ว่า บรรดานักเรียนนอกที่ได้ทุนหลวงแล้วเรียนจบมา อย่าดัดจริต ที่จะคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย ไม่ว่าจะไปเรียนระบอบประชาธิปไตยของประเทศใดมาก็ตาม อย่าซ้ายจัด
"เราอยู่กันแบบไทย ๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ขอให้รักกันนะครับ ท่านจะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศ.. ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เอาเขามาแล้วมาดูด้วยว่าควรจะมาดัดแปลงอะไรยังไง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัด ที่เรียนมาแล้วดัดจริต"
ภาพจาก INN
นอกจากนี้ยังกล่าวถึง
นายทักษิณ ชินวัตร กับการกระทำความผิด ที่ไม่ยอมรับกติกา
แต่กลับหนีออกนอกประเทศ รวมไปถึงเรื่องการเมือง กับการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ตนมองว่าเปรียบเหมือนกีฬาฟุตบอลที่เกมจบแต่คนเชียร์ไม่จบ
นักการเมืองควรหยุดวาทกรรมแยกประชาชน ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ
และควรหันหน้าจับมือกันทำงานสู้กันในสภามากกว่า
ชี้วัดด้วยฝีมือว่าถ้าใครทำไม่ดี ก็ได้ดี เช่นเดียวกับตนเอง
ถ้าทำไม่ดีก็อาจจะต้องถูกย้ายเช่นกัน
ก่อนทิ้งท้ายว่า ยอมรับว่าโซเชียลมีเดีย ถือเป็นอาวุธที่ร้ายแรงกว่าอาวุธใด ๆ ที่กองทัพมีอยู่ กองทัพมีจุดอ่อนในการใช้โซเชียล แต่สื่อมีพร้อมเข้าถึงประชาชนมากกว่า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam