อุกกาบาตตกในรัสเซีย เป็นแสงวาบผ่านท้องฟ้า ก่อนพุ่งทะลุแม่น้ำน้ำแข็ง ชาวบ้านแตกตื่นหนัก ได้ยินเสียงดังสนั่น อากาศอุ่นวาบ แถมพื้นสะเทือน ตกใจนึกว่าระเบิดลง-เครื่องบินตก
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2562 เว็บไซต์ไซแอนซ์อเลิร์ต รายงานว่า เกิดเหตุอุกกาบาตเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 เมตร พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศและมาตกในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมของดินแดนครัสโนยาสค์ เขตสหพันธ์ไซบีเรีย ทางตอนกลางของประเทศรัสเซีย ในวันที่ 6 เมษายน เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยกล้องติดหน้ารถยนต์หลายคันสามารถจับภาพโมเมนต์ตื่นตานี้เอาไว้ได้ และเคราะห์ดีอย่างมากที่อุกกาบาตนี้ไม่ได้สร้างอันตรายใด ๆ แก่ประชาชน
ข้อมูลจากเดลี่เมล ระบุว่า ในปี 2451 หรือเมื่อ 111 ปีที่แล้ว อุกกาบาตขนาดใหญ่ได้ตกลงในพื้นที่แม่น้ำตุงกุสกา มันเป็นเหตุอุกกาบาตระเบิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งลงมาด้วยความเร็ว 50,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พลังงานและความรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิโม 185 ลูก ต้นไม้ 80 ล้านต้นถูกเผาทำลายราบ และซากกวางนับหมื่นตัวนอนตายเกลื่อน
ด้วยความที่อุกกาบาตนี้ตกลงไม่ไกลจากหลุมอุกกาบาตครั้งประวัติศาตร์ดังกล่าว มันจึงได้รับการตั้งชื่อว่า อุกกาบาตตุงกุสกาใหม่ แม้ว่าอุกกาบาตตุงกุสกาใหม่จะไม่ได้รุนแรงน่ากลัวถึงขั้นนั้น แต่มันก็สร้างความแตกตื่นตกใจให้ประชาชนเช่นกัน โดยขณะที่มันพุ่งผ่านท้องฝ้า มันปรากฏเป็นแสงสีเขียว เหลือง และส้ม ก่อนจะแตกออกเป็น 2 ส่วน แล้วพุ่งใส่แม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง
จุดที่อุกกาบาตพุ่งผ่าน ปรากฏเป็นอุณหภูมิอุ่นวาบขึ้นมา และสร้างแรงสั่นสะเทือน โดยสำนักงานผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านอูชามี หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากร 96 คน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ พบว่าพื้นดินขยับและสั่นไหว
นอกจากนี้แล้ว นาตาเลีย หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในช่วงก่อนที่อุกกาบาตตก เธอกำลังอยู่บ้าน อยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนเสียงระเบิด เธอมองเห็นเหมือนแสงสว่างวาบขนาดใหญ่ อึดใจต่อมากิ่งไม้แห้งของต้นเบิร์ชร่วงกราวหล่นพื้น เนื่องจากพื้นดินสะเทือน นาตาเลียกล่าวว่าเธอตกใจมาก รีบคว้าโทรศัพท์ติดต่อหาพี่ชายที่บ้านอยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร เขาเองก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเหมือนกัน และคิดว่าเกิดเหตุเครื่องบินตก
ทางด้านทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันธรณีเคมีและเคมีวิเคราะห์เวอร์นาดสกี ภายใต้สถาบันวิชาการวิทยาศาตร์แห่งรัสเซีย ได้เดินทางลงพื้นที่ตามหาอุกกาบาตดังกล่าว และค้นพบหนึ่งในชิ้นส่วนที่แตกออก ชิ้นส่วนนี้พุ่งผ่านหิมะหนาประมาณ 120 เซนติเมตร ทะลุแผ่นน้ำแข็งหนา 90 เซนติเมตร และลงไปนอนใต้ก้นแม่น้ำ ขณะนี้พวกเขากำลังหาทางเก็บตัวอย่างดังกล่าวขึ้นมา เพื่อนำไปศึกษาอย่างละเอียดต่อไป
