ไฟเขียว ม.44 ช่วย 3 ค่ายมือถือ ยืดระยะเวลาจ่ายค่าประมูลคลื่น 900 จาก 4 งวด เป็น 10 งวด พร้อมช่วยทีวีดิจิทัล 22 ช่อง หากไม่ไหวสามารถคืนใบอนุญาตได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าประมูล 2 งวดที่เหลือ เปิดทางให้มีงบประมูลคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อพัฒนาระบบ 5G
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่คำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยได้มีการออกคำสั่ง ม.44 เพื่อช่วยเหลือทีวีดิจิทัล ทั้ง 22 ช่อง ให้สามารถคืนใบอนุญาตได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องจ่ายค่าประมูล 2 งวดที่เหลือ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งเกี่ยวกับการช่วยเหลือ 3 ค่ายมือถือ โดยการยืดการจ่ายค่าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ จาก 4 งวดเป็น 10 งวด
โดยใจความในประกาศดังกล่าว ระบุว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล รายใดประสงค์จะคืนใบอนุญาตที่ได้รับตามประกาศ ให้แจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้สำนักงาน กสทช. พิจารณากำหนดค่าชดเชยให้แก่ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาต ได้รับในระหว่างที่ได้มีการประกอบกิจการ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่ได้มีการชำระแล้ว โดยให้มีการยกเว้น การจ่ายเงินค่าประมูล 2 งวดสุดท้าย ได้แก่งวดที่ 5 และ 6 ที่ต้องชำระให้กับ กสทช. และหากรายใดชำระไปแล้ว ก็สามารถมาขอคืนได้ ส่วนรายใดยังไม่ได้ชำระเงินยังไม่ครบถึงงวดที่ 4 จะต้องนำเงินมาชำระให้ครบถ้วน ตามวันและเวลาครบรอบการชำระค่าประมูล ที่จะครบชำระในเดือน พฤษภาคม 2562
ส่วนวงเงินค่าประมูลทีวีดิจิทัล งวด 5 และ 6 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนเงิน 13,622 ล้านบาท ที่เป็นค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) นั้น กสทช.จะช่วยสนับสนุนออกเงินค่าใช้จ่ายให้ โดยจะนำเงินไปชำระให้ผู้ประกอบการโครงข่าย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินปีละ 1,960 ล้านบาท จนสิ้นสุดอายุใบอนุญาต
นอกจากนี้ ในส่วนผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้น 3 เครือข่ายได้แก่
เอไอเอส ดีแทค และทรู ที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปก่อนหน้านี้
รวมเงินประมูลประมาณ 190,000 ล้านบาท
จะได้การขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลออกไปจาก 4 งวดเป็น 10 งวด
หรือจากเดิมต้องจ่ายหมดในปี 2562 เป็น เอไอเอส และทรู จ่ายงวดสุดท้าย 2568
ส่วนดีแทคที่ประมูลหลังสุด งวดสุดท้ายปี 2570
เพื่อให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมมีเงินทุนมาประมูลคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์
และขยายโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อรองรับการให้บริการประชาชนได้อย่างครอบคลุม
รองรับการให้บริการ 5 จีในอนาคต ซึ่งเงินค่าประมูลคลื่น 900
ดังกล่าวกลุ่มทรู มูลค่า 76,298 ล้านบาท เอไอเอส 75,654 ล้านบาท และดีแทค
38,064 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการออกประกาศดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากสปริงนิวส์
โดยใจความในประกาศดังกล่าว ระบุว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล รายใดประสงค์จะคืนใบอนุญาตที่ได้รับตามประกาศ ให้แจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้สำนักงาน กสทช. พิจารณากำหนดค่าชดเชยให้แก่ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาต ได้รับในระหว่างที่ได้มีการประกอบกิจการ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่ได้มีการชำระแล้ว โดยให้มีการยกเว้น การจ่ายเงินค่าประมูล 2 งวดสุดท้าย ได้แก่งวดที่ 5 และ 6 ที่ต้องชำระให้กับ กสทช. และหากรายใดชำระไปแล้ว ก็สามารถมาขอคืนได้ ส่วนรายใดยังไม่ได้ชำระเงินยังไม่ครบถึงงวดที่ 4 จะต้องนำเงินมาชำระให้ครบถ้วน ตามวันและเวลาครบรอบการชำระค่าประมูล ที่จะครบชำระในเดือน พฤษภาคม 2562
ส่วนวงเงินค่าประมูลทีวีดิจิทัล งวด 5 และ 6 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนเงิน 13,622 ล้านบาท ที่เป็นค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) นั้น กสทช.จะช่วยสนับสนุนออกเงินค่าใช้จ่ายให้ โดยจะนำเงินไปชำระให้ผู้ประกอบการโครงข่าย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินปีละ 1,960 ล้านบาท จนสิ้นสุดอายุใบอนุญาต
อย่างไรก็ตามการออกประกาศดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากสปริงนิวส์