กองทัพเรือ ยืนยัน ไม่ได้ส่งกำลังพลติดตามหรือคุกคาม สาวไทย-สามีฝรั่ง สร้างบ้านลอยน้ำกลางทะเลภูเก็ต ย้ำดำเนินคดีตามกฎหมายทุกขั้นตอน เตรียมขยายผลหลายข้อหา
จากกรณีที่นายแชด เอลวาร์ทอฟสกี ชาวอเมริกัน และนาเดีย หรือ นางสุปราณี เทพเดช สองสามีภรรยาสร้างที่พักกลางทะเลภูเก็ต เพื่อตั้งเขตปกครองของตัวเองในทะเล แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบของกองทัพเรือ พบว่าเป็นการก่อสร้างโดยไม่ขออนุญาต และกีดขวางเส้นทางเดินเรือ ซึ่งเตรียมจะเอาผิด ซึ่งต่อมา นายแชด เอลวาร์ทอฟสกี และภรรยา ได้ส่งอีเมลหาสื่อต่างประเทศ ขอให้ช่วยเหลือเป็นผู้ลี้ภัย อ้างถูกทหารไทยตามล่าเอาชีวิตนั้น (อ่านข่าว : ผัว-เมีย บ้านลอยน้ำ ร้องสื่อนอก อ้างถูกทหารไทยล่าเอาชีวิต ขอให้ช่วยเป็นผู้ลี้ภัย)
ล่าสุด (19 เมษายน 2562) Workpoint News รายงานว่า พลเรือโท กาญจน์ ดีอุบล เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า กองทัพเรือ มีหน้าที่ในการรักษาเอกราช อธิปไตยและความมั่นคงของชาติทางทะเล จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้กระทำการเป็นกลุ่มบุคคลที่มีแนวความคิดจะสร้างถิ่นฐานถาวรกลางทะเลนอกเขตอำนาจอธิปไตยของรัฐต่าง ๆ โดยพยายามอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมาดำเนินการ และไม่ได้ขออนุญาตต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีแนวความคิดเดียวกันเข้ามาพักอาศัยหรือสร้างเพิ่มเติม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวแสดงออกถึงความมีเจตนาไม่เคารพต่อกฎหมายของประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง และจะทำให้เกิดรัฐใหม่ในอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการแก้ไข ปัญหาดังกล่าวอาจจะขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย
โดยกองทัพเรือ ขอยืนยันว่า กองทัพเรือ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อตรวจพบการกระทำผิดก็ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีนายแชด เอลวาร์ทอฟสกี และภรรยา ให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศว่าถูกทหารไทยคุกคามนั้น ทางกองทัพเรือยืนยันว่า ไม่ได้ส่งกำลังพลติดตามหรือคุกคามแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งสิ้น
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของบ้านลอยน้ำนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการโดยมีผลการปฏิบัติ ดังนี้
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของนายแชด เอลวาร์ทอฟสกี พร้อมทั้งปิดหมายแจ้งคำสั่งปกครองให้คนต่างด้าวทราบ และขอให้บันทึกรายชื่อลงระบบข้อมูล (ระบบ PIBICS) เป็นบุคคลต้องห้าม
- สถานีตำรวจภูธรวิชิต รับแจ้งความจากทัพเรือภาคที่ 3 ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 พร้อมทำการสอบปากคำนายทหารพระธรรมนูญ ทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานนำส่งให้อัยการสูงสุด พิจารณาความอาญา มาตรา 20
- จังหวัดภูเก็ต ประสานกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา ให้รับทราบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นได้สั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เข้าทำการตรวจสอบโรงงานที่ผลิตโครงสร้าง ซึ่งผลออกมาว่าโรงงานดังกล่าวไม่มีใบอนุญาต จึงสั่งให้หยุดการดำเนินงานทันที รวมถึงให้พาณิชย์จังหวัด ศุลกากรจังหวัด และองค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว เข้าตรวจสอบโรงงานว่ามีการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายหรือไม่
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ออกประกาศแจ้งเตือนชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณที่ติดตั้ง Seasteading และในส่วนของการเคลื่อนย้าย Seasteading เนื่องจากเป็นพยานวัตถุแห่งคดีอาญาและพยานหลักฐานต้องสมบูรณ์และพร้อมนำสืบในบริเวณพื้นที่ที่กระทำความผิด วัตถุลอยน้ำ Seasteading จึงต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ซึ่งจะส่งผลเสียรูปคดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากกรณีที่นายแชด เอลวาร์ทอฟสกี ชาวอเมริกัน และนาเดีย หรือ นางสุปราณี เทพเดช สองสามีภรรยาสร้างที่พักกลางทะเลภูเก็ต เพื่อตั้งเขตปกครองของตัวเองในทะเล แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบของกองทัพเรือ พบว่าเป็นการก่อสร้างโดยไม่ขออนุญาต และกีดขวางเส้นทางเดินเรือ ซึ่งเตรียมจะเอาผิด ซึ่งต่อมา นายแชด เอลวาร์ทอฟสกี และภรรยา ได้ส่งอีเมลหาสื่อต่างประเทศ ขอให้ช่วยเหลือเป็นผู้ลี้ภัย อ้างถูกทหารไทยตามล่าเอาชีวิตนั้น (อ่านข่าว : ผัว-เมีย บ้านลอยน้ำ ร้องสื่อนอก อ้างถูกทหารไทยล่าเอาชีวิต ขอให้ช่วยเป็นผู้ลี้ภัย)
ล่าสุด (19 เมษายน 2562) Workpoint News รายงานว่า พลเรือโท กาญจน์ ดีอุบล เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า กองทัพเรือ มีหน้าที่ในการรักษาเอกราช อธิปไตยและความมั่นคงของชาติทางทะเล จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้กระทำการเป็นกลุ่มบุคคลที่มีแนวความคิดจะสร้างถิ่นฐานถาวรกลางทะเลนอกเขตอำนาจอธิปไตยของรัฐต่าง ๆ โดยพยายามอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมาดำเนินการ และไม่ได้ขออนุญาตต่อทางการของประเทศไทยแต่อย่างใด รวมทั้งยังเชิญชวนให้กลุ่มคนที่มีแนวความคิดเดียวกันเข้ามาพักอาศัยหรือสร้างเพิ่มเติม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวแสดงออกถึงความมีเจตนาไม่เคารพต่อกฎหมายของประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่ง และจะทำให้เกิดรัฐใหม่ในอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการแก้ไข ปัญหาดังกล่าวอาจจะขยายวงกว้างและยากที่จะแก้ไข จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย
โดยกองทัพเรือ ขอยืนยันว่า กองทัพเรือ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อตรวจพบการกระทำผิดก็ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีนายแชด เอลวาร์ทอฟสกี และภรรยา ให้ข่าวกับสื่อต่างประเทศว่าถูกทหารไทยคุกคามนั้น ทางกองทัพเรือยืนยันว่า ไม่ได้ส่งกำลังพลติดตามหรือคุกคามแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งสิ้น
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของบ้านลอยน้ำนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการโดยมีผลการปฏิบัติ ดังนี้
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของนายแชด เอลวาร์ทอฟสกี พร้อมทั้งปิดหมายแจ้งคำสั่งปกครองให้คนต่างด้าวทราบ และขอให้บันทึกรายชื่อลงระบบข้อมูล (ระบบ PIBICS) เป็นบุคคลต้องห้าม
- สถานีตำรวจภูธรวิชิต รับแจ้งความจากทัพเรือภาคที่ 3 ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 พร้อมทำการสอบปากคำนายทหารพระธรรมนูญ ทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานนำส่งให้อัยการสูงสุด พิจารณาความอาญา มาตรา 20
- จังหวัดภูเก็ต ประสานกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา ให้รับทราบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นได้สั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เข้าทำการตรวจสอบโรงงานที่ผลิตโครงสร้าง ซึ่งผลออกมาว่าโรงงานดังกล่าวไม่มีใบอนุญาต จึงสั่งให้หยุดการดำเนินงานทันที รวมถึงให้พาณิชย์จังหวัด ศุลกากรจังหวัด และองค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว เข้าตรวจสอบโรงงานว่ามีการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายหรือไม่
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ออกประกาศแจ้งเตือนชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณที่ติดตั้ง Seasteading และในส่วนของการเคลื่อนย้าย Seasteading เนื่องจากเป็นพยานวัตถุแห่งคดีอาญาและพยานหลักฐานต้องสมบูรณ์และพร้อมนำสืบในบริเวณพื้นที่ที่กระทำความผิด วัตถุลอยน้ำ Seasteading จึงต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ซึ่งจะส่งผลเสียรูปคดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก