วิทยุการบินฯ แจงเหตุเครื่องบินเชิดหัวขึ้นกะทันหันที่กระบี่ เพราะมีอีกลำขวาง

          วิทยุการบินแห่งประเทศไทย ชี้แจงเหตุการณ์แอร์เอเชียเชิดหัวขึ้นกะทันหันขณะลงจอด เหตุรันเวย์สนามบินกระบี่มีทางวิ่งเดียว และขณะนั้นมีเครื่องบินการบินไทยค้างอยู่ เตรียมจะขึ้น

          วันที่ 23 เมษายน 2562 เพจเฟซบุ๊ก บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้มีการแถลงถึงเรื่องราวดังกล่าว ระบุว่า จากการนำเสนอข่าวจากสื่อมวลชน กรณีเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียเที่ยวบิน AIQ3212 แบบ A320 เส้นทางบินดอนเมือง-กระบี่ ขณะที่เครื่องกำลังลงสนามบินกระบี่ ต้องเชิดหัวขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผู้โดยสารหลายคนตกใจ เนื่องจากเครื่องการบินไทยเที่ยวบิน THA250 แบบ A333 จอดรออยู่บนทางวิ่งเพื่อรอวิ่งขึ้น
          นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงาน และตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สาเหตุที่ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชีย ไม่สามารถนำเครื่องร่อนลงจอดที่สนามบินกระบี่ตามเวลาและต้องเชิดหัวขึ้นบินวนบนอากาศอีกครั้งนั้น เนื่องจากในขณะนั้นมีเครื่องบินของสายการบินไทยจอดรออยู่บนทางวิ่งเพื่อเตรียมวิ่งขึ้น

          จากเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC) จึงได้สั่งการให้เครื่องบินไทยแอร์เอเชียทำการบินขึ้นไปใหม่ (Go Around) ในระยะ 4 นอติคอลไมล์ หรือ 7 กิโลเมตร ก่อนถึงทางวิ่ง ซึ่งเป็นไปตามวิธีปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในขั้นตอนการตัดสินใจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC) กับนักบิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฎิบัติการบิน เนื่องด้วยลักษณะทางกายภาพของสนามบินกระบี่เป็นสนามบินที่มีทางวิ่งเดียว ดังนั้นทุกเที่ยวบินต้องใช้ทางวิ่งขึ้นและลงร่วมกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้
          ทั้งนี้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ซึ่ง วิทยุการบินฯ ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก และมีระบบบริหารความปลอดภัยด้านการให้บริการจราจรทางอากาศ (safety management system) ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) นอกจากนี้ วิทยุการบินฯ จะมีการรายงานสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสนอให้ กพท. ตามขั้นตอนต่อไป เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการจราจรทางอากาศให้ปลอดภัยสูงสุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด