นักท่องเที่ยวชาวไทย ถูกทุบรถและขโมยกระเป๋าในซานฟรานซิสโก ทำประกันการเดินทางไว้แล้ว แต่บริษัทประกันไม่จ่าย อ้างไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขคุ้มครอง เพราะ ปล้นทรัพย์ กับ ลักทรัพย์ แตกต่างกัน
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2562 ผู้ใช้เเฟซบุ๊ก Sita Kirins ได้โพสต์เล่าประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอขณะไปท่องเที่ยวที่สหรัฐอเมริกา โดยเธอถูกทุบรถที่ซานฟรานซิสโก เมืองใหญ่ทางชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจุดที่จอดรถไม่ใช่มุมมืดแต่อย่างใด เป็นริมถนนที่มีไฟสว่าง มีร้านค้า อีกทั้งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด สำหรับทรัพย์สินที่สูญหายไป คือ กระเป๋าเป้ที่ใช้ทุกวัน ด้านในมีกล้อง โทรศัพท์มือถือ และของอื่น ๆ อีกมาก รวมกับกระเป๋าใส่โดรนด้วยเช่นกัน
หญิงสาวผู้เสียหายได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ และได้ส่งอีเมลหาบริษัทประกันในประเทศ เพื่อขอเคลมประกันความเสียหาย เนื่องจากได้ทำประกันทรัพย์สินไว้เรียบร้อยแล้วก่อนออกเดินทาง แต่ก็ต้องอึ้งอย่างมาก เพราะทางบริษัทประกันแจ้งมาว่า จะคุ้มครองต่อเมื่อทรัพย์สินสูญหายขณะอยู่ในความควบคุมดูแลของพนักงานโรงแรม บริษัทขนส่ง หรือโดนกระชากไปขณะอยู่กับตัว หญิงสาวผู้เสียหายจึงเปิดกรมธรรม์อ่านดูอีกครั้ง กระทั่งพบข้อที่ระบุเกี่ยวกับการคุ้มครองในกรณีถูกปล้นหรือชิงทรัพย์
เธอจึงโทร. ติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์ของบริษัทประกันดังกล่าว อธิบายสถานการณ์ที่ได้พบ และสอบถามไปว่า กรณีที่เธอถูกคนร้ายทุบกระจกรถแล้วหยิบข้าวของไป มันไม่ใช่การปล้นชิงทรัพย์หรือ แล้วก็ต้องเงิบอีกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ตอบมาว่า กรณีที่เกิดขึ้นคือการ "ลักทรัพย์" ทำเอางงมากว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
![ทุบรถ ทุบรถ]()
กระทั่งต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ong Mitprakrobchoke ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงความแตกต่างระหว่างการชิงทรัพย์ กับ การปล้นทรัพย์ ซึ่งถ้าให้อธิบายง่ายที่สุดก็คือ ผู้ก่อเหตุต้องใช้กำลังเอาทรัพย์ไปจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงจะสามารถเคลมประกันได้ ซึ่งบริษัทประกันการเดินทางส่วนใหญ่ใช้เงื่อนไขเหมือนกัน ผู้โพสต์จึงแนะนำว่าควรซื้อประกันอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย ในกรณีที่ถูกทุบกระจกเอาของออกไปจากรถ
ส่วนประกันเดินทาง หากผู้ใดพบว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. โทร. 1186 ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยพิจารณาไกล่เกลี่ยได้
ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องราวเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลก็แสดงความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ นานา บ้างก็กล่าวว่าบริษัทประกันเล่นคำ บ้างก็ว่าบริษัทประกันทำถูกต้องแล้ว รวมทั้งแนะนำให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ว่าไม่ควรเก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ในรถ โดยเฉพาะเวลาไปต่างประเทศ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ
![ทุบรถ ทุบรถ]()
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2562 ผู้ใช้เเฟซบุ๊ก Sita Kirins ได้โพสต์เล่าประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอขณะไปท่องเที่ยวที่สหรัฐอเมริกา โดยเธอถูกทุบรถที่ซานฟรานซิสโก เมืองใหญ่ทางชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจุดที่จอดรถไม่ใช่มุมมืดแต่อย่างใด เป็นริมถนนที่มีไฟสว่าง มีร้านค้า อีกทั้งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด สำหรับทรัพย์สินที่สูญหายไป คือ กระเป๋าเป้ที่ใช้ทุกวัน ด้านในมีกล้อง โทรศัพท์มือถือ และของอื่น ๆ อีกมาก รวมกับกระเป๋าใส่โดรนด้วยเช่นกัน
หญิงสาวผู้เสียหายได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ และได้ส่งอีเมลหาบริษัทประกันในประเทศ เพื่อขอเคลมประกันความเสียหาย เนื่องจากได้ทำประกันทรัพย์สินไว้เรียบร้อยแล้วก่อนออกเดินทาง แต่ก็ต้องอึ้งอย่างมาก เพราะทางบริษัทประกันแจ้งมาว่า จะคุ้มครองต่อเมื่อทรัพย์สินสูญหายขณะอยู่ในความควบคุมดูแลของพนักงานโรงแรม บริษัทขนส่ง หรือโดนกระชากไปขณะอยู่กับตัว หญิงสาวผู้เสียหายจึงเปิดกรมธรรม์อ่านดูอีกครั้ง กระทั่งพบข้อที่ระบุเกี่ยวกับการคุ้มครองในกรณีถูกปล้นหรือชิงทรัพย์

เธอจึงโทร. ติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์ของบริษัทประกันดังกล่าว อธิบายสถานการณ์ที่ได้พบ และสอบถามไปว่า กรณีที่เธอถูกคนร้ายทุบกระจกรถแล้วหยิบข้าวของไป มันไม่ใช่การปล้นชิงทรัพย์หรือ แล้วก็ต้องเงิบอีกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ตอบมาว่า กรณีที่เกิดขึ้นคือการ "ลักทรัพย์" ทำเอางงมากว่ามันแตกต่างกันอย่างไร


กระทั่งต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ong Mitprakrobchoke ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงความแตกต่างระหว่างการชิงทรัพย์ กับ การปล้นทรัพย์ ซึ่งถ้าให้อธิบายง่ายที่สุดก็คือ ผู้ก่อเหตุต้องใช้กำลังเอาทรัพย์ไปจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงจะสามารถเคลมประกันได้ ซึ่งบริษัทประกันการเดินทางส่วนใหญ่ใช้เงื่อนไขเหมือนกัน ผู้โพสต์จึงแนะนำว่าควรซื้อประกันอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย ในกรณีที่ถูกทุบกระจกเอาของออกไปจากรถ
ส่วนประกันเดินทาง หากผู้ใดพบว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. โทร. 1186 ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยพิจารณาไกล่เกลี่ยได้

ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องราวเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลก็แสดงความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ นานา บ้างก็กล่าวว่าบริษัทประกันเล่นคำ บ้างก็ว่าบริษัทประกันทำถูกต้องแล้ว รวมทั้งแนะนำให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ว่าไม่ควรเก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ในรถ โดยเฉพาะเวลาไปต่างประเทศ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ


