ระทึกยกลำ ไฟไหม้เครื่องบินรัสเซียขณะลงจอดฉุกเฉิน คร่า 41 ชีวิต ด้านแอร์โฮสเตสเผยนาทีช่วยผู้โดยสาร รีบคว้าตัวผลักไปยังสไลด์ฉุกเฉิน จนรอดมาได้
ภาพจาก AFP PHOTO / RUSSIAN INVESTIGATIVE COMMITTEE
วันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้เครื่องบินของสายการบินแอโรฟลอต เที่ยวบิน SU1492 ขณะทำการลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเชเรเมเตียโว หนึ่งในสนามบินหลังของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย โดยชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบหาสาเหตุที่เป็นไปได้ของเหตุดังกล่าว รวมถึงทฤษฎีว่าเครื่องบินถูกฟ้าผ่าจนเกิดไฟไหม้ด้วย
ขณะนี้ชุดสืบสวนได้เก็บกู้กล่องดำออกมาจากเครื่องแล้ว เพื่อนำไปวิเคราะห์หาคำตอบว่าเครื่องบินเกิดไฟไหม้เพราะอะไร และมีเหตุอะไรเกิดขึ้นภายในห้องนักบินบ้าง รวมถึงจะทำการตรวจสอบว่านักบินได้ปฏิบัติตามคู่มือความปลอดภัยหรือไม่
ภาพจาก AFP PHOTO / MIKHAIL NORENKO
รายงานเผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าว มีกำหนดการเดินทางจากกรุงมอสโก ไปยังเมืองเมอร์มานสค์ โดยเครื่องได้เทกออฟในเวลา 18.03 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่นักบินจะส่งสัญญาณขอลงจอดฉุกเฉินในเวลา 18.25 น. ซึ่งนักบินต้องขับเครื่องบินวนถึง 2 รอบ กว่าจะสามารถนำเครื่องแลนดิ้งได้ และเครื่องก็เริ่มติดไฟในช่วงเวลาที่แลนดิ้ง
จากคลิปที่มีผู้โดยสารบางส่วนบันทึกภาพภายในเครื่องบินไว้ได้ เผยให้เห็นเปลวไฟที่ปรากฏชัดเจนอยู่นอกหน้าต่าง ผู้โดยสารต่างกรีดร้องกันระงมด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสื่อว่า การอพยพคนออกจากเครื่องดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะมีผู้โดยสารบางรายไม่ปฏิบัติตามคู่มือความปลอดภัย พวกเขาพยายามหยิบสัมภาระออกมาจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
ท่ามกลางความสูญเสีย พบว่ามีผู้รอดชีวิตจากเหตุดังกล่าว 33 คน ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอบคุณไหวพริบและความพยายามของพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ในการช่วยอพยพผู้โดยสาร โดยพบว่าหลังจากที่นักบินประกาศให้อพยพฉุกเฉิน แทตยานา คาซัตคินา หนึ่งในพนักงานต้อนรับหญิง ได้เป็นผู้ถีบประตูฉุกเฉินจนเปิดออก ก่อนจะใช้กำลังคว้าและผลักผู้โดยสารที่กำลังตื่นตระหนก ออกไปยังสไลด์ฉุกเฉินทีละคน เธอต้องทำเช่นนี้เพื่อให้การอพยพดำเนินไปอย่างเร็วที่สุด ตอนแรกนั้นยังไม่มีเปลวไฟภายในห้องโดยสาร แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีควันดำปกคลุมอยู่เต็มลำ
แทตยานา ยืนยันว่าหลังจากที่เครื่องเทกออฟได้ไม่นาน เครื่องบินก็ผ่านพื้นที่ที่มีพายุ และมีฟ้าผ่าใส่เครื่องบิน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการแจ้งให้ลูกเรือทราบว่าจะมีการนำเครื่องบินกลับไปยังสนามบินต้นทาง แต่เนื่องจากระบบสื่อสารภายในเครื่องเสียหายในตอนนั้น ทำให้เธอแทบไม่ได้ยินเสียงนักบินตอนที่สั่งให้เตรียมการอพยพ
ภาพจาก AFP PHOTO / RUSSIAN INVESTIGATIVE COMMITTEE
ด้าน เดนิส อีกโดคิมอฟ กัปตันของเครื่อง เผยว่า หลังจากถูกฟ้าผ่าระบบสื่อสารทางวิทยุก็เสีย ทำให้แทบจะติดต่อหน่วยควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้ เขาพยายามติดต่ออีกฝ่ายกลับไป จนได้รับการช่วยเหลือนำทางไปยังรันเวย์เพื่อการแลนดิ้งจนได้
ทั้งนี้ หลังจากที่เครื่องแลนดิ้งถึงสนามบิน หน่วยดับเพลิงก็ได้เข้ามาทำการดับไฟอย่างรวดเร็ว จนเผยให้เห็นความเสียหายบริเวณหางเครื่องบิน โดยหลังจากนี้ชุดสืบสวนก็จะทำการสอบถามผู้รอดชีวิตแต่ละคน ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเครื่อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อไป
ภาพจาก AFP PHOTO / RUSSIAN INVESTIGATIVE COMMITTEE
วันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้เครื่องบินของสายการบินแอโรฟลอต เที่ยวบิน SU1492 ขณะทำการลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเชเรเมเตียโว หนึ่งในสนามบินหลังของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย โดยชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบหาสาเหตุที่เป็นไปได้ของเหตุดังกล่าว รวมถึงทฤษฎีว่าเครื่องบินถูกฟ้าผ่าจนเกิดไฟไหม้ด้วย
ขณะนี้ชุดสืบสวนได้เก็บกู้กล่องดำออกมาจากเครื่องแล้ว เพื่อนำไปวิเคราะห์หาคำตอบว่าเครื่องบินเกิดไฟไหม้เพราะอะไร และมีเหตุอะไรเกิดขึ้นภายในห้องนักบินบ้าง รวมถึงจะทำการตรวจสอบว่านักบินได้ปฏิบัติตามคู่มือความปลอดภัยหรือไม่
ภาพจาก AFP PHOTO / MIKHAIL NORENKO
รายงานเผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าว มีกำหนดการเดินทางจากกรุงมอสโก ไปยังเมืองเมอร์มานสค์ โดยเครื่องได้เทกออฟในเวลา 18.03 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่นักบินจะส่งสัญญาณขอลงจอดฉุกเฉินในเวลา 18.25 น. ซึ่งนักบินต้องขับเครื่องบินวนถึง 2 รอบ กว่าจะสามารถนำเครื่องแลนดิ้งได้ และเครื่องก็เริ่มติดไฟในช่วงเวลาที่แลนดิ้ง
จากคลิปที่มีผู้โดยสารบางส่วนบันทึกภาพภายในเครื่องบินไว้ได้ เผยให้เห็นเปลวไฟที่ปรากฏชัดเจนอยู่นอกหน้าต่าง ผู้โดยสารต่างกรีดร้องกันระงมด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสื่อว่า การอพยพคนออกจากเครื่องดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะมีผู้โดยสารบางรายไม่ปฏิบัติตามคู่มือความปลอดภัย พวกเขาพยายามหยิบสัมภาระออกมาจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
ท่ามกลางความสูญเสีย พบว่ามีผู้รอดชีวิตจากเหตุดังกล่าว 33 คน ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอบคุณไหวพริบและความพยายามของพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ในการช่วยอพยพผู้โดยสาร โดยพบว่าหลังจากที่นักบินประกาศให้อพยพฉุกเฉิน แทตยานา คาซัตคินา หนึ่งในพนักงานต้อนรับหญิง ได้เป็นผู้ถีบประตูฉุกเฉินจนเปิดออก ก่อนจะใช้กำลังคว้าและผลักผู้โดยสารที่กำลังตื่นตระหนก ออกไปยังสไลด์ฉุกเฉินทีละคน เธอต้องทำเช่นนี้เพื่อให้การอพยพดำเนินไปอย่างเร็วที่สุด ตอนแรกนั้นยังไม่มีเปลวไฟภายในห้องโดยสาร แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีควันดำปกคลุมอยู่เต็มลำ
แทตยานา ยืนยันว่าหลังจากที่เครื่องเทกออฟได้ไม่นาน เครื่องบินก็ผ่านพื้นที่ที่มีพายุ และมีฟ้าผ่าใส่เครื่องบิน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการแจ้งให้ลูกเรือทราบว่าจะมีการนำเครื่องบินกลับไปยังสนามบินต้นทาง แต่เนื่องจากระบบสื่อสารภายในเครื่องเสียหายในตอนนั้น ทำให้เธอแทบไม่ได้ยินเสียงนักบินตอนที่สั่งให้เตรียมการอพยพ
ภาพจาก AFP PHOTO / RUSSIAN INVESTIGATIVE COMMITTEE
ด้าน เดนิส อีกโดคิมอฟ กัปตันของเครื่อง เผยว่า หลังจากถูกฟ้าผ่าระบบสื่อสารทางวิทยุก็เสีย ทำให้แทบจะติดต่อหน่วยควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้ เขาพยายามติดต่ออีกฝ่ายกลับไป จนได้รับการช่วยเหลือนำทางไปยังรันเวย์เพื่อการแลนดิ้งจนได้
ทั้งนี้ หลังจากที่เครื่องแลนดิ้งถึงสนามบิน หน่วยดับเพลิงก็ได้เข้ามาทำการดับไฟอย่างรวดเร็ว จนเผยให้เห็นความเสียหายบริเวณหางเครื่องบิน โดยหลังจากนี้ชุดสืบสวนก็จะทำการสอบถามผู้รอดชีวิตแต่ละคน ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเครื่อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อไป