หนุ่มป่วยลูคีเมีย ติด HIV หลังถ่ายเลือด รับกำลังใจดีขึ้นหลังเป็นข่าว แม่ทุกข์หนักไร้วี่แววสามีกว่า 3 ปี ค่าใช้จ่ายเยอะ เตรียมตั้งทนายคุยโรงพยาบาล
จากกรณี หนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 24 ปี ป่วยเป็นลูคีเมีย ก่อนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลชื่อดัง แต่ปรากฏว่าได้รับเชื้อ HIV จากการถ่ายเลือด ซึ่งตอนแรกทางโรงพยาบาลตกลงรักษาให้ฟรี แต่ต่อมากลับไม่ทำตามสัญญา อ้างว่าไม่มีประวัติการรักษานั้น (อ่านข่าว : หนุ่มป่วยลูคีเมียช้ำ ติดเชื้อ HIV หลังถ่ายเลือดกับ รพ. ดัง ค่ารักษา 7 ล้าน สูญเปล่า)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว สอบถามหนุ่มผู้ติดเชื้อ HIV เจ้าตัวเผยว่า ตั้งแต่ติดเชื้อตนก็ใช้ชีวิตลำบาก เพราะสังคมมองด้วยสายตารังเกียจ รู้สึกเจ็บใจมากที่ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ตอนนี้แม้อาการจะดีขึ้น แต่กังวลว่าโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องกินยาไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่อยู่ได้ก็เพราะกำลังใจ หลังเป็นข่าวชีวิตตนก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี เพราะมีคนให้กำลังใจเยอะขึ้น
ด้าน แม่ของผู้ป่วย เปิดเผยว่า ลูกชายป่วยเป็นลูคีเมีย ตอน 9
ขวบ กระทั่งอายุ 11 ขวบ ลูกชายได้เข้าคอร์สให้เกล็ดเลือด 14 ครั้ง
กระทั่งได้รับเลือดถุงที่ 12 และ 13
หมอเจ้าของไข้ก็มาแจ้งว่าลูกของตนมีเชื้อ HIV ทั้งที่ตนกับสามีไม่มีเชื้อ
คาดว่าเชื้อน่าจะมาจากเลือด
ตอนนั้นโรงพยาบาลยืนยันว่าจะรับผิดชอบและดูแลรักษาทุกอย่าง
ซึ่งหลังจากนั้นลูกชายต้องทำคีโมและเรียนไปด้วย จนเริ่มเรียนไม่ไหว
เนื่องจากอ่อนแรงจากการรักษา
สุดท้ายก็ต้องออกจากโรงเรียนและพักรักษาตัวมาตลอด
แม่ของผู้ป่วย เล่าด้วยว่า ปัจจุบันสามีของตนก็ทิ้งไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม ประมาณ 3 ปีแล้ว อีกทั้งยังทิ้งพ่อไว้ให้ตนเลี้ยงดูด้วย ตอนนี้ตนต้องใช้เงินเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอ ล่าสุดเตรียมตั้งทีมทนายเพื่อคุยกับทางฝั่งโรงพยาบาลอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว สอบถามหนุ่มผู้ติดเชื้อ HIV เจ้าตัวเผยว่า ตั้งแต่ติดเชื้อตนก็ใช้ชีวิตลำบาก เพราะสังคมมองด้วยสายตารังเกียจ รู้สึกเจ็บใจมากที่ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ตอนนี้แม้อาการจะดีขึ้น แต่กังวลว่าโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องกินยาไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่อยู่ได้ก็เพราะกำลังใจ หลังเป็นข่าวชีวิตตนก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี เพราะมีคนให้กำลังใจเยอะขึ้น
แม่ของผู้ป่วย เล่าด้วยว่า ปัจจุบันสามีของตนก็ทิ้งไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม ประมาณ 3 ปีแล้ว อีกทั้งยังทิ้งพ่อไว้ให้ตนเลี้ยงดูด้วย ตอนนี้ตนต้องใช้เงินเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอ ล่าสุดเตรียมตั้งทีมทนายเพื่อคุยกับทางฝั่งโรงพยาบาลอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก