รพ.บำรุงราษฎร์ เสียใจปมผู้ป่วยให้เลือดติดเชื้อเอชไอวี ยัน จะดูแลให้ดีที่สุด ส่วนการที่เลือดมีเชื้อนั้น อาจจะเป็นเพราะว่า เชื้อไม่เพียงพอ เป็นระยะแรกเริ่ม
จากกรณีที่มีหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ได้รับเชื้อเอดส์ หลังรับการถ่ายเลือดจากผู้ป่วยลูคีเมีย เนื่องจากเจ้าของเลือดนั้นเป็นโรคดังกล่าว จากนั้นก็มีการเปิดเผยคลิปเสียงหมอของโรงพยาบาลดังที่ได้ยอมรับในเรื่องนี้ (อ่านข่าว แฉคลิปเสียง หมอ รพ. ดัง ยอมรับให้เลือดผู้ป่วยเอดส์ ทำหนุ่มป่วยลูคีเมียติดเชื้อ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้มีการออกเอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าว พบว่า คนไข้เริ่มรักษาตั้งแต่ปี 2547 และมีรายละเอียดที่สามารถเปิดเผยได้ ดังนี้
1. การให้เลือดนั้น โรงพยาบาลมีข้อปฏิบัติในการรับเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น เลือดจะมีความปลอดภัยสูง รวมถึงคัดกรองเรื่องเชื้อเอชไอวีด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของเรื่องนี้อยู่ที่หากไม่มีเชื้อมากพอก็จะตรวจไม่พบ และโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็มีน้อยมาก
สำหรับมาตรการคัดกรองผู้บริจาคนั้น จะมีการทำแบบสอบถามและซักประวัติพฤติกรรมความเสี่ยง มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีซีโรโลยีด้วยน้ำยาที่มีความไวสูงสุด และตรวจด้วยวิธี Nucleic acid amplification test (NAT) ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง
2. โรงพยาบาลรู้สึกเสียใจต่อเรื่องดังกล่าว และให้การดูแลผู้ป่วยตามหลักมนุษยธรรมตลอด 10 ปี ทั้งเรื่องดูแลรักษาเอชไอวี และอาการข้างเคียงอื่น ๆ ซึ่งยืนยันว่า จะยังคงดูแลอย่างดีที่สุดต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากกรณีที่มีหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ได้รับเชื้อเอดส์ หลังรับการถ่ายเลือดจากผู้ป่วยลูคีเมีย เนื่องจากเจ้าของเลือดนั้นเป็นโรคดังกล่าว จากนั้นก็มีการเปิดเผยคลิปเสียงหมอของโรงพยาบาลดังที่ได้ยอมรับในเรื่องนี้ (อ่านข่าว แฉคลิปเสียง หมอ รพ. ดัง ยอมรับให้เลือดผู้ป่วยเอดส์ ทำหนุ่มป่วยลูคีเมียติดเชื้อ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้มีการออกเอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าว พบว่า คนไข้เริ่มรักษาตั้งแต่ปี 2547 และมีรายละเอียดที่สามารถเปิดเผยได้ ดังนี้
1. การให้เลือดนั้น โรงพยาบาลมีข้อปฏิบัติในการรับเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น เลือดจะมีความปลอดภัยสูง รวมถึงคัดกรองเรื่องเชื้อเอชไอวีด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของเรื่องนี้อยู่ที่หากไม่มีเชื้อมากพอก็จะตรวจไม่พบ และโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็มีน้อยมาก
สำหรับมาตรการคัดกรองผู้บริจาคนั้น จะมีการทำแบบสอบถามและซักประวัติพฤติกรรมความเสี่ยง มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีซีโรโลยีด้วยน้ำยาที่มีความไวสูงสุด และตรวจด้วยวิธี Nucleic acid amplification test (NAT) ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง
2. โรงพยาบาลรู้สึกเสียใจต่อเรื่องดังกล่าว และให้การดูแลผู้ป่วยตามหลักมนุษยธรรมตลอด 10 ปี ทั้งเรื่องดูแลรักษาเอชไอวี และอาการข้างเคียงอื่น ๆ ซึ่งยืนยันว่า จะยังคงดูแลอย่างดีที่สุดต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
