สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานคติธรรมแด่ประชาชนชาวไทยและชาวพุทธ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญของพระพุทธศาสนา
วันที่ 15พฤษภาคม 2562 สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช รายงานว่า สมเด็จพระอริยวงคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมเนื่องเนื่องในดิถีวิสาขบูชา วันเสาร์ ที่ 18 พฤษภาคม 2562 ความว่า
ดิถีวิสาขบูชา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว
พระโพธิสัตว์สิทธัตถราชกุมารเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้เมื่อกว่า 2,600 ปีก่อน ทรงถึงพร้อมด้วยพระชาติ มีพระกายลักษณะอย่างมหาบุรุษครบถ้วนเป็นอัศจรรย์ แต่ที่วิเศษยิ่งกว่านั้นคือพระคุณ ด้วยเหตุแห่งการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังให้ทรงบริบูรณ์ด้วย พระปัญญาคุณ
สามารถชำระกิเลสเครื่องเศร้าหมองให้หมดสิ้นไปจากพระทัยบรรลุถึงความสะอาดผ่องใสที่เรียกว่า พระบริสุทธิคุณ แล้ว จากนั้นไม่นานก็ได้ทรงเผยแผ่พระธรรมสั่งสอนโลก ด้วยอำนาจแห่ง พระมหากรุณาคุณ ครบถ้วนแห่งองค์คุณของความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอด 45 พรรษาแห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ แปลความว่า สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
ดังนี้ ขอทุกท่านหันกลับมาพิจารณาสังขารธรรม หรือความปรุงแต่งในรูปและนาม ณ บัดนี้ แล้วจงฉุกคิดถามตนเองว่า ในขณะที่รูปและนามกำลังเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านได้อบรมเจริญปัญญา เป็นเสบียงแห่งอนาคตไว้มากน้อยเพียงไรแล้ว ท่านกำลังมีความประมาทในชีวิต เผลอคิดไปว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกมากหรือไม่ ในเมื่ออันที่จริง ทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร
ชีวิตนี้สั้นนัก เพราะฉะนั้น ความไม่ประมาท ณ ขณะปัจจุบัน จึงเป็นบทสรุปแห่งพระบรมพุทโธวาทที่สั้นที่สุด แต่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับชาวพุทธทุกคน
วันที่ 15พฤษภาคม 2562 สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช รายงานว่า สมเด็จพระอริยวงคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมเนื่องเนื่องในดิถีวิสาขบูชา วันเสาร์ ที่ 18 พฤษภาคม 2562 ความว่า
ดิถีวิสาขบูชา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว
พระโพธิสัตว์สิทธัตถราชกุมารเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้เมื่อกว่า 2,600 ปีก่อน ทรงถึงพร้อมด้วยพระชาติ มีพระกายลักษณะอย่างมหาบุรุษครบถ้วนเป็นอัศจรรย์ แต่ที่วิเศษยิ่งกว่านั้นคือพระคุณ ด้วยเหตุแห่งการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังให้ทรงบริบูรณ์ด้วย พระปัญญาคุณ
สามารถชำระกิเลสเครื่องเศร้าหมองให้หมดสิ้นไปจากพระทัยบรรลุถึงความสะอาดผ่องใสที่เรียกว่า พระบริสุทธิคุณ แล้ว จากนั้นไม่นานก็ได้ทรงเผยแผ่พระธรรมสั่งสอนโลก ด้วยอำนาจแห่ง พระมหากรุณาคุณ ครบถ้วนแห่งองค์คุณของความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอด 45 พรรษาแห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ แปลความว่า สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
ดังนี้ ขอทุกท่านหันกลับมาพิจารณาสังขารธรรม หรือความปรุงแต่งในรูปและนาม ณ บัดนี้ แล้วจงฉุกคิดถามตนเองว่า ในขณะที่รูปและนามกำลังเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านได้อบรมเจริญปัญญา เป็นเสบียงแห่งอนาคตไว้มากน้อยเพียงไรแล้ว ท่านกำลังมีความประมาทในชีวิต เผลอคิดไปว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกมากหรือไม่ ในเมื่ออันที่จริง ทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร
ชีวิตนี้สั้นนัก เพราะฉะนั้น ความไม่ประมาท ณ ขณะปัจจุบัน จึงเป็นบทสรุปแห่งพระบรมพุทโธวาทที่สั้นที่สุด แต่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับชาวพุทธทุกคน
ขอสาธุชนอย่าละเลยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันนับเป็น ปฏิบัติบูชา ที่พึงกระทำต่อพระรัตนตรัย เพื่อความดำรงคงมั่นแห่งพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประทีปส่องใจเวไนยนิกรทั้งปวงสืบไปตลอดกาลนาน เทอญ