"ต้นคริสต์มาส และซันตาคลอส ไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์" เป็นการระบุของ อ.พิษณุ อรรฆภิญญ์ นักเขียนด้านศาสนศาสตร์ อดีตรักษาการศิษยาภิบาลคริสตจักรวัฒนา เจ้าของงานเขียนประกอบการบรรยายหัวข้อ "เบื้องหลังคริสต์มาสที่ท่านรู้แล้วจะประหลาดใจ (The Secret of Christmas that will surprise you)" ซึ่งบรรยายที่พระวิหารคริสตจักรวัฒนา เมื่อ 16 ธันวาคม อันเกี่ยวกับ "วันที่ 25 ธันวาคม" วันสำคัญของชาวคริสต์ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป... "25 ธันวาคม" ของทุกปี ถือเป็น "วันปีใหม่ของชาวคริสต์"
วันที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกรู้จักมักคุ้นในชื่อ "วันคริสต์มาส"
ทั้งนี้ เมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึง เด็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อย ก็จะนึกถึงหรือได้เห็น "ต้นคริสต์มาส" และ "ซันตาคลอส" คุณลุง-คุณตาตัวใหญ่ใจดีเคราสีขาว สวมชุดสีแดง นั่งบนรถล้อเลื่อนลากด้วยกวาง พร้อมแบกถุงของขวัญใบโตๆ เพื่อแจกเด็กๆ
ในเมืองไทยก็คล้ายกับในประเทศอื่นๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ก็นิยมตกแต่งด้วย 2 สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสนี้ที่หน้าห้าง เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าจับจ่ายซื้อหา บางแห่งดูอลังการยิ่งกว่าโบสถ์หรือคริสต์จักรเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ในเอกสาร-ในการบรรยายของ อ.พิษณุเมื่อเร็วๆ นี้ มีการระบุว่า..."ต้นคริสต์มาส" เป็นสินค้าและธุรกิจของชาวตะวันตก ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีการซื้อขายสูงถึงราว 36 ล้านต้นต่อปี และกว่าร้อยละ 90 เป็นต้นคริสต์มาสที่ปลูกไว้ขาย จากจำนวนสวนกว่า 15,000 แห่ง กินพื้นที่ 2.5 ล้านไร่
แต่ละปี กับเรื่องราวของต้นคริสต์มาสนี้ นอกจากจะมีการประดับ ประดาอย่างสวยงามตระการตาทั่วไปแล้ว ยังมีการประกวดประขันถึงความสูงว่าของใคร-ที่ไหนจะสูงที่สุดด้วย
สำหรับ "ซันตาคลอส" หรือ "ซันต้า" นั้น เป็นเรื่องของ นักบุญนิโคลาส มีแหล่งกำเนิดที่ Southeastern Turkish ราว ค.ศ. 400 แต่เด็กๆ ถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าซันตาคลอสนั้นอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ ทำของเล่น และขนมให้เด็กๆ ทั้งนี้ ในภาษาเนเธอร์แลนด์สะกดคำว่าเซนต์นิโคลาส (St.Nicholas) เป็น Sint Nikolass และมีการสะกดเพี้ยนเป็น Sinterklass ซึ่งซันตาคลอสในยุโรปนั้นจะรูปร่างผอม
ส่วนในสหรัฐอเมริกานักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกันได้จินตนาการ ซันตาคลอสเป็นคุณตาใจดี พุงพลุ้ย เพื่อให้เหมาะสมกับบุคลิกในจินตนา การของเด็กๆ และกลายเป็นบุคลิกที่คุ้นเคยไปทั่วโลก
ในเอกสาร อ.พิษณุระบุไว้ว่า...ซันตาคลอสมีบทบาทสำคัญในการสร้างความผูกพันกับเด็กๆ ในแต่ละครอบครัว เด็กๆ จะได้รับการบอกเล่าว่าคุณตาใจดีจะมาที่บ้านในกลางดึกของคืนวันคริสต์มาส เพื่อเอาของขวัญมาให้ ซึ่งโอกาสดีๆ เช่นนี้พ่อแม่ก็จะให้เด็กๆ ได้สนุกสนาน และตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในครอบครัว
จริงๆ แล้ว คุณลุงหรือคุณตาซันต้าที่เอาของขวัญมาให้ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ของเด็กนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของซันตาคลอสใน ลักษณะดังกล่าวนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่พ่อแม่จะใช้เพื่อกล่อมเกลาให้กับลูกๆ ให้มีความรัก มีความเมตตาต่อเพื่อน และสัตว์ จนกลายเป็นนิสัย ติดตัวต่อไป
อ.พิษณุอธิบายว่า...ถ้าเปรียบวันคริสต์มาสเป็นต้นไม้ ต้นคริสต์ มาส และซันตาคลอส ก็เป็นเพียงกระพี้ หรือเปลือก แต่ว่าต้นไม้นั้นถ้าไม่มี กระพี้หรือเปลือก...ต้นไม้ก็อยู่ไม่ได้ และสองสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นจากความยินดี เพื่อประดับประดา เพื่อเฉลิมฉลอง เพียงแต่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดของเอกชน
"กลายเป็นสิ่งเพื่อจะดึงดูดให้เกิดการขายของ ซึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่อยากให้ความสำคัญมากเกินไป ควรให้สำคัญกับหลักคำสอน ซึ่งเราต้องเตือนกัน แม้แต่คริสเตียนเองก็นึกถึงซันตาคลอส และต้นคริสต์ มาส ความสนุกสนาน จึงกลายเป็นเรื่องสนุกสนานเป็นหลักไป"
ทั้งนี้ อ.พิษณุบอกว่า...ปัจจุบันแม้ "ซันตาคลอส" กับ "ต้นคริสต์มาส" จะกลายเป็น "เครื่องมือทางธุรกิจ" เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในโลกของทุนนิยมไปแล้ว แต่ 2 สิ่งนี้ก็ยังมีความสำคัญอยู่
สำคัญในแง่สัมพันธภาพในครอบครัว เป็นสิ่งที่ทำให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน มาร่วมประดับต้นคริสต์มาสด้วยกัน เอาของขวัญมาให้กัน ทำให้เรารู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนรักเราอยู่ มาเยี่ยมเยียนกันอยู่
อย่างไรก็ดี องค์ พระเยซู ไม่ใช่ซันตาคลอส คือแก่นความ เชื่อศรัทธาของคริสเตียน ซึ่งอาวุธของพระองค์คือ "ความรัก" ซึ่งก็คล้ายกับ "ความเมตตา" ในพุทธศาสนานั่นเอง
ที่สำคัญ ความรักของคริสเตียนคือ "ความรักที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน ความรักที่ไม่มีผลประโยชน์ ความรักที่ต้องการให้ผู้อื่นได้ดี"
"อยากจะบอกไปยังคริสเตียนทั้งหลายว่า คริสต์มาสอย่ามัวแต่ เฉลิมฉลองกันจนเพลิน แล้วลืมคนยากไร้ เพราะพระเยซูท่านก็เป็นคนยากไร้มาก่อน"...อ.พิษณุกล่าว
เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับสังคมในส่วนรวม คือวัตถุประสงค์การจัดบรรยายของผู้สันทัดกรณีรายนี้ และที่ถูกต้องของ "คริสต์มาส" ก็มิใช่แค่ซันต้า !!! 
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
