ศาลพิพากษาสั่งจำคุก ป้าทุบรถ 3 เดือน แต่ให้การเป็นประโยชน์และไม่เคยต้องคดี จึงลดโทษเหลือจำคุก 2 เดือน และให้รอลงอาญา พร้อมจ่ายค่าปรับคนละ 12,000 บาท
ทั้งนี้ พิเคราะห์แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีเห็นว่าจำเลย ทั้งสองคนกระทำความผิด เพราะความเครียดและความโกรธสะสมมาเป็นเวลานาน ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรงนัก จำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้ายจากการกระทำความผิดโดยนำเงินมาวางศาล 50,000 บาท เพื่อชำระแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30
สำหรับคดีป้าทุบรถ ตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561กรณีสาวคู่กรณีจอดรถขวางทางเข้าบ้านของป้าทุบรถ ทำให้ไม่สามารถออกจากบ้านได้ จึงก่อใช้ขวานจามรถจนได้รับความเสียหาย
วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับคดีป้าทุบรถ หลังศาลจังหวัดพระโขนง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นางสาวมณีรัตน์ แสงภัทรโชติ และนางสาวรัตนฉัตร แสงหยกตระการ ที่ 2 จำเลย ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ โดยระบุว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ 83 จำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 18,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยทั้งสอง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 12,000 บาท
ทั้งนี้ พิเคราะห์แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีเห็นว่าจำเลย ทั้งสองคนกระทำความผิด เพราะความเครียดและความโกรธสะสมมาเป็นเวลานาน ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรงนัก จำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้ายจากการกระทำความผิดโดยนำเงินมาวางศาล 50,000 บาท เพื่อชำระแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30
สำหรับคดีป้าทุบรถ ตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561กรณีสาวคู่กรณีจอดรถขวางทางเข้าบ้านของป้าทุบรถ ทำให้ไม่สามารถออกจากบ้านได้ จึงก่อใช้ขวานจามรถจนได้รับความเสียหาย
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช