เปิดใจหนึ่งในทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ในภารกิจส่งต่อ "หัวใจ" ของน้องพงศธร วัย 18 ปี ที่บริจาคให้ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช นำส่งได้สำเร็จท่ามกลางสายฝน เผย รู้สึกอิ่มเอมใจกับภารกิจครั้งนี้มาก
จากเรื่องราวของ นายพงศธร อัมพุธ หนุ่มวัย 18 ปี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และเจ้าตัวได้บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอีกหลายรายให้รอดชีวิต โดยหนึ่งในนั้นคือผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศิริราช ที่ได้รับการบริจาคอวัยวะ (หัวใจ) ของน้องพงศธร ซึ่งทางโรงพยาบาลเชียงรายได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.จร. ช่วยจัดรถนำอวัยวะ (หัวใจ) จากดอนเมือง มาส่งยังโรงพยาบาลศิริราช เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น (อ่านข่าว : ส่งต่อหัวใจ น้องพงศธร จากเชียงรายถึงศิริราช จากไปแต่ยังทำกุศล ช่วยต่ออีก 6 ชีวิต)
ล่าสุด (1 มิถุนายน 2562) ไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานบทสัมภาษณ์ ร.ต.อ. พิเชษฐ วิเศษโชค รอง สว.งานปฏิบัติการจราจร ตามโครงการพระราชดำริ หนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ส่งต่ออวัยวะให้กับโรงพยาบาลศิริราช เผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากหมอโรงพยาบาลศิริราช เรื่องการรับอวัยวะผู้ป่วยที่จะโดยสารเครื่องบินเช่าเหมาลำมาลงที่ฝูงบิน 604 ดอนเมือง เพื่อนำไปเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วย จึงได้จัดกำลังตำรวจจราจร 10 นาย อำนวยความสะดวกตามจุดแยกต่าง ๆ เพราะเส้นทางจากดอนเมืองไปศิริราช ค่อนข้างไกลและรถน่าจะติดหลายจุด
โดยก่อนที่จะมาเตรียมรอรับอวัยวะในช่วงเช้าของวันที่ 30 พฤษภาคม ได้มีการซักซ้อมภารกิจ การใช้เส้นทางเพื่อเลี่ยงรถติด แต่เนื่องจากวันดังกล่าวฝนตก ทำให้เครื่องบินลงมาช้ากว่ากำหนดไปเล็กน้อย ยอมรับว่ารู้สึกกดกันในตอนแรก เพราะวันนั้นสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
อีกทั้งได้รับข้อมูลมาเบื้องต้นว่า เรามีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงในการนำอวัยวะหัวใจที่ออกจากผู้ให้ มาสู่ผู้รับให้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนั้นเครื่องบินเดินทางมาใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว เมื่อกล่องใส่หัวใจมาถึง ทางทีมตนรีบอำนวยความสะดวกในภารกิจนี้ทันที แต่ฝนที่ตกปรอย ๆ ทำให้การใช้ความเร็วทำได้แค่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่ปกติถ้าเร่งด่วนมากจะใช้ความเร็ว 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามภารกิจส่งต่ออวัยวะก็สำเร็จด้วยดีโดยใช้เวลาไปทั้งหมด 29.24 นาที
ร.ต.อ. พิเชษฐ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจตอนนั้นไม่รู้มาก่อนว่า อวัยวะในกล่องนี้ เป็นของน้องพงศธร หนุ่มวัย 18 ปี ที่เป็นข่าว มาทราบหลังทำภารกิจเสร็จแล้ว ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และประทับใจมาก เพราะน้องสุดยอดมาก ในการตั้งใจส่งบุญและทางตำรวจก็ช่วยสานต่อภารกิจให้ลุล่วง ซึ่งปฏิบัตินี้ถือเป็นเคสที่ 13 ที่ช่วยนำพาอวัยวะไปส่งให้กับโรงพยาบาลที่ขอความช่วยเหลือมาทางตำรวจจราจร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากเรื่องราวของ นายพงศธร อัมพุธ หนุ่มวัย 18 ปี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และเจ้าตัวได้บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอีกหลายรายให้รอดชีวิต โดยหนึ่งในนั้นคือผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศิริราช ที่ได้รับการบริจาคอวัยวะ (หัวใจ) ของน้องพงศธร ซึ่งทางโรงพยาบาลเชียงรายได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.จร. ช่วยจัดรถนำอวัยวะ (หัวใจ) จากดอนเมือง มาส่งยังโรงพยาบาลศิริราช เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น (อ่านข่าว : ส่งต่อหัวใจ น้องพงศธร จากเชียงรายถึงศิริราช จากไปแต่ยังทำกุศล ช่วยต่ออีก 6 ชีวิต)
ล่าสุด (1 มิถุนายน 2562) ไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานบทสัมภาษณ์ ร.ต.อ. พิเชษฐ วิเศษโชค รอง สว.งานปฏิบัติการจราจร ตามโครงการพระราชดำริ หนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ส่งต่ออวัยวะให้กับโรงพยาบาลศิริราช เผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากหมอโรงพยาบาลศิริราช เรื่องการรับอวัยวะผู้ป่วยที่จะโดยสารเครื่องบินเช่าเหมาลำมาลงที่ฝูงบิน 604 ดอนเมือง เพื่อนำไปเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วย จึงได้จัดกำลังตำรวจจราจร 10 นาย อำนวยความสะดวกตามจุดแยกต่าง ๆ เพราะเส้นทางจากดอนเมืองไปศิริราช ค่อนข้างไกลและรถน่าจะติดหลายจุด
โดยก่อนที่จะมาเตรียมรอรับอวัยวะในช่วงเช้าของวันที่ 30 พฤษภาคม ได้มีการซักซ้อมภารกิจ การใช้เส้นทางเพื่อเลี่ยงรถติด แต่เนื่องจากวันดังกล่าวฝนตก ทำให้เครื่องบินลงมาช้ากว่ากำหนดไปเล็กน้อย ยอมรับว่ารู้สึกกดกันในตอนแรก เพราะวันนั้นสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
อีกทั้งได้รับข้อมูลมาเบื้องต้นว่า เรามีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงในการนำอวัยวะหัวใจที่ออกจากผู้ให้ มาสู่ผู้รับให้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนั้นเครื่องบินเดินทางมาใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว เมื่อกล่องใส่หัวใจมาถึง ทางทีมตนรีบอำนวยความสะดวกในภารกิจนี้ทันที แต่ฝนที่ตกปรอย ๆ ทำให้การใช้ความเร็วทำได้แค่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่ปกติถ้าเร่งด่วนมากจะใช้ความเร็ว 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามภารกิจส่งต่ออวัยวะก็สำเร็จด้วยดีโดยใช้เวลาไปทั้งหมด 29.24 นาที
ร.ต.อ. พิเชษฐ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจตอนนั้นไม่รู้มาก่อนว่า อวัยวะในกล่องนี้ เป็นของน้องพงศธร หนุ่มวัย 18 ปี ที่เป็นข่าว มาทราบหลังทำภารกิจเสร็จแล้ว ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และประทับใจมาก เพราะน้องสุดยอดมาก ในการตั้งใจส่งบุญและทางตำรวจก็ช่วยสานต่อภารกิจให้ลุล่วง ซึ่งปฏิบัตินี้ถือเป็นเคสที่ 13 ที่ช่วยนำพาอวัยวะไปส่งให้กับโรงพยาบาลที่ขอความช่วยเหลือมาทางตำรวจจราจร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
