สาวตกเป็นเหยื่อถูกรุมโทรมในวัยเยาว์ แบกรับความเจ็บปวดมาหลายปี สุดท้ายขอเข้ารับการการุณยฆาต เมื่อฝันร้ายตามหลอกหลอน เกินกว่าจะทนมีชีวิตต่อ

ภาพจาก Instagram winnenofleren
วันที่ 4 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเรื่องราวชะตากรรมแสนเศร้าของเด็กสาวรายหนึ่ง
ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส
ตกเป็นเหยื่อถูกทำร้ายและถูกข่มขืนในวัยเยาว์
แม้เธอจะพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้ฉากหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใส
แต่เมื่อฝันร้ายในอดีตยังตามหลอกหลอนและกัดกร่อนจิตใจ
ก็ทำให้เธอไม่อาจแบกรับมันได้อีกต่อไป และขอเลือกความตายเป็นทางออก
เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่า โนอา โปโธเวน วัย 17 ปี พลเมืองผู้อาศัยในเมืองอาร์เน็ม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเด็กสาวเพิ่งจะจบชีวิตของตัวเองลงด้วยวิธีการุณยฆาต สิ้นใจบนเตียงคนไข้ภายในบ้านของเธอเอง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือจากคลินิกแห่งหนึ่ง ภายหลังได้รับสิทธิให้เข้ารับการการุณยฆาตได้ตามกฎหมาย
เหตุการณ์ที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่อาจทนมีชีวิตต่อไปได้ และเธอไม่สามารถแบกรับชีวิตเช่นนี้ต่อไปอีก เกิดขึ้นเมื่อเธอตกเป็นเหยื่อถูกทำร้ายและข่มขืน ใน 3 เหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 11 ขวบ โดยเด็กสาวได้เผยในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอว่า เธอถูกล่วงละเมิดครั้งแรกในงานปาร์ตี้ของกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นเรียน ตอนอายุ 11 ขวบ และ 1 ปีจากนั้น เธอก็ถูกล่วงละเมิดอีกครั้งในปาร์ตี้ของกลุ่มวัยรุ่น กระทั่งตอนที่เธออายุ 14 ปี โนอาก็ถูกชาย 2 คนรุมโทรม แต่เธอเลือกที่จะปิดปากเงียบไว้ ด้วยความหวาดกลัวและความอับอาย
"ฉันคิดย้ำถึงความกลัว และความเจ็บปวดนั้นทุกวัน ฉันหวาดกลัวอยู่เสมอ ตั้งการ์ดตัวเองตลอดเวลา ในตอนนี้ฉันยังรู้สึกว่าร่างกายตัวเองสกปรก บ้านของฉันพังทลาย ร่างกายของฉันไม่อาจลบเลือนมันไปได้" โนอา เผยเมื่อปี 2561
พ่อแม่ของโนอาไม่เคยรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาวแม้แต่น้อย
และไม่เคยคิดว่าลูกสาวได้วางแผนเรื่องการตายมาตลอด
จนกระทั่งผู้เป็นแม่ได้พบซองพลาสติกที่เต็มไปด้วยจดหมายลาตายของลูกสาว
ซึ่งได้เขียนถึงพ่อแม่ เพื่อน และบรรดาคนรู้จัก โดย แม่ของโนอายอมรับว่า
เธอช็อกมาก เธอไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับลูก

ภาพจาก Instagram noamaestro
"โนอาเป็นเด็กน่ารัก สวย ฉลาด เป็นคนเข้าสังคม และมักร่าเริงเสมอ เป็นไปได้ยังไงที่เธอต้องการจะตาย เราไม่เคยได้รับคำตอบที่แท้จริง เราแค่ได้ยินว่าชีวิตของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป เป็นเวลาเพียง 1 ปีครึ่งเท่านั้น ที่เราเพิ่งได้รู้ความลับที่เธอเก็บไว้กับตัวมาเป็นเวลาหลายปี" แม่ของโนอา เผยกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น De Gelderlander
ทั้งนี้ โนอาใช้เวลาไม่กี่ปีสุดท้ายในชีวิต ไปกับการเข้าและออกโรงพยาบาล รวมถึงสถาบันให้คำปรึกษา ครอบครัวของเธอเริ่มทำงานน้อยลงเพื่อนำเวลามาดูแลลูกสาว มีครั้งหนึ่งที่โนอาอยู่ภายใต้การบำบัดอย่างเข้มงวด เธอต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เธอฉีกมันหรือนำมาใช้ทำร้ายตัวเองได้ ซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระทำไม่ต่างจากอาชญากร ทั้งที่ตลอดชีวิต เธอไม่เคยแม้แต่จะขโมยขนมจากร้านค้า
จนในปี 2561 โนอาถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในสภาพวิกฤต น้ำหนักของเธอน้อยมาก อวัยวะภายในเกือบจะล้มเหลว เธอรักษาตัวในสภาพโคม่า ต้องรับอาหารผ่านทางสายยาง นอกจากนี้ยังทราบว่าเธอได้จัดทำลิสต์สิ่งที่อยากทำไว้ 15 รายการ ซึ่งได้ทำครบเกือบหมดแล้ว เว้นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ "กินไวท์ช็อกโกแลตสักแท่ง"
โดยโนอาเผยว่า ไวท์ช็อกโกแลตเป็นขนมที่เธอชอบมา แต่เธอไม่ได้ลิ้มรสของมันมาหลายปีแล้ว เนื่องจากเธอมีอาการของโรคอะนอเร็กเซีย ทำให้เธอไม่กล้ากินมัน เพราะกลัวว่าจะอ้วน
โนอายังได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองขึ้น ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ดิ้นรนของเธอ ต่ออาการซึมเศร้า โรคอะนอเร็กเซีย รวมถึงความเครียดที่ต้องเผชิญหลังเกิดเหตุการณ์เลวร้าย หลังตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งแม่ของโนอาก็หวังว่ามันจะกลายเป็นแนวทางให้หลายคนนำไปใช้ศึกษา เพื่อช่วยเหลือคนหนุ่มสาวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ
ขณะที่เพียง 1 วันก่อนเข้ารับการการุณยฆาต โนอาก็ได้เขียนข้อความผ่านอิสตาแกรมของเธอ เผยถึงการตัดสินใจของเธอสู่สาธารณะ โดยบอกว่าเธอใคร่ครวญอยู่หลายวันว่าจะแชร์เรื่องนี้ดีหรือไม่ โพสต์ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจจะสร้างความประหลาดใจให้บางคน แต่เธอได้วางแผนมันมานานแล้ว ไม่ใช่ด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่น
"ฉันจะไปถึงจุดนั้น ฉันจะตายภายในเวลาไม่เกิน 10 วัน หลังช่วงเวลาหลายปีที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน ฉันหมดแรงแล้ว ฉันเลิกกินดื่มไปพักหนึ่ง และหลังการตัดสินใจมากมาย ฉันก็จะได้รับการปลดปล่อย เพราะความทรมานที่ฉันได้รับนั้นเป็นเรื่องที่เกินจะทนแล้วจริง ๆ"
โนอายังขอไม่ให้คนที่ติดตามเธอ พยายามโน้มน้าวอะไรเธอว่าการจบชีวิตเป็นตัวเลือกที่ไม่ดี เพราะเธอได้ตัดสินใจแล้ว พร้อมทิ้งท้ายว่า "ฉันยังคงหายใจ แต่ฉันไม่มีชีวิตอีกต่อไป" และ "ในกรณีนี้ ความรักคือการปล่อยให้จากไป"