ผอ.รพ. เบตง แจงปมคนไข้ถูกแซงคิวจนเสียชีวิต ชี้ตอนแรกความดันยังปกติ อีกรายอาการหนักกว่า รับ เจ้าหน้าที่หน้าห้องไม่ใช่พยาบาล ลูกสาวโกรธ โรงพยาบาล แถลงไม่ตรงความจริง
จากกรณีหญิงรายหนึ่ง เผยเรื่องราวที่พ่อตนเองที่ ได้เข้าคิวรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา จากอาการโรคชิคุนกุนยา พยาบาลให้นั่งรอบนรถเข็นหน้าห้อง แต่ให้คนที่เป็นหนักกว่าเข้าไปก่อน 3 คิว ถูกแซงอีก 1 คิว จนพ่อมีอาการตัวเย็น ความดันตก ถึงได้เข็นเข้าห้องตรวจ ต้องปั๊มหัวใจนาน 40 นาทีไม่เป็นผล ทำให้พ่อเสียชีวิตในที่สุด
อ่านข่าว : สาวพ้อโรงพยาบาลปล่อยให้คนอื่นแซงคิวพ่อป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน สุดท้ายเสียชีวิต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นพ.ยุทธนา รุ่งธีรานนท์ นายแพทย์ชำนาญการ อายุรแพทย์ โรงพยาบาลเบตง ให้ข้อมูลว่า หลังได้รับตัวคนไข้จากห้องฉุกเฉินมาอยู่ในห้องไอซียู ประเมินอาการโดยรวม คนไข้อาการยังไม่คงที่ มีอาการมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็วประมาณ 130 ครั้งต่อนาที ความดันต่ำ แพทย์ก็รีบช่วยดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่คนไข้เสียชีวิต เนื่องจากมีภาวะช็อกจากการติดเชื้อทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ประกอบกับคนไข้มีความดันลดลง
ขณะที่แพทย์หญิงปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา ระบุว่า เหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองได้ตรวจวัดความดันของผู้ป่วยแล้ว ความดันขณะนั้นอยู่ที่ 144/ 80 ซึ่งถือว่าปกติ จึงจัดเป็นผู้ป่วยในโซนสีเขียว คือเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่วนที่ว่ามีการแซงคิว เนื่องจากมีผู้ป่วยอีกคนมีความดันต่ำ ถือว่าอาการหนักกว่า ส่วนภาพถ่ายที่บอกว่าผู้เสียชีวิตความดันต่ำ พบว่า เป็นของผู้ป่วยรายก่อนหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้กดรีเซตเครื่อง
ผอ.โรงพยาบาล เผยว่า เหตุที่เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองไม่ใช่พยาบาล เนื่องจากกำลังดูแลผู้ป่วยอาการหนักอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน จึงให้ผู้ที่เรียนจบทางด้านเวชกิจฉุกเฉินมาช่วยที่บริเวณจุดคัดกรอง ทำให้ญาติคนไข้อาจไม่เข้าใจว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่
ด้านลูกสาวผู้ตาย ระบุว่า สิ่งที่ ผอ.โรงพยาบาล ออกมาให้ข่าวขัดแย้งกับความจริง โดยพ่อถูกแซงคิวทั้งที่นั่งวีลแชร์ จนตนเองต้องไปถามเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ตอนวัดความดัน เจ้าหน้าที่บอกว่า ความดันของพ่อ 38 แต่กลับมีการชี้แจงว่า ไม่ใช่ความดันของพ่อแต่เป็นของคนไข้ก่อนหน้า เป็นต้น ยอมรับว่า ตอนแรกไม่โกรธ แต่ตอนนี้โกรธแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากกรณีหญิงรายหนึ่ง เผยเรื่องราวที่พ่อตนเองที่ ได้เข้าคิวรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา จากอาการโรคชิคุนกุนยา พยาบาลให้นั่งรอบนรถเข็นหน้าห้อง แต่ให้คนที่เป็นหนักกว่าเข้าไปก่อน 3 คิว ถูกแซงอีก 1 คิว จนพ่อมีอาการตัวเย็น ความดันตก ถึงได้เข็นเข้าห้องตรวจ ต้องปั๊มหัวใจนาน 40 นาทีไม่เป็นผล ทำให้พ่อเสียชีวิตในที่สุด
อ่านข่าว : สาวพ้อโรงพยาบาลปล่อยให้คนอื่นแซงคิวพ่อป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน สุดท้ายเสียชีวิต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นพ.ยุทธนา รุ่งธีรานนท์ นายแพทย์ชำนาญการ อายุรแพทย์ โรงพยาบาลเบตง ให้ข้อมูลว่า หลังได้รับตัวคนไข้จากห้องฉุกเฉินมาอยู่ในห้องไอซียู ประเมินอาการโดยรวม คนไข้อาการยังไม่คงที่ มีอาการมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็วประมาณ 130 ครั้งต่อนาที ความดันต่ำ แพทย์ก็รีบช่วยดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่คนไข้เสียชีวิต เนื่องจากมีภาวะช็อกจากการติดเชื้อทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ประกอบกับคนไข้มีความดันลดลง
ขณะที่แพทย์หญิงปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา ระบุว่า เหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองได้ตรวจวัดความดันของผู้ป่วยแล้ว ความดันขณะนั้นอยู่ที่ 144/ 80 ซึ่งถือว่าปกติ จึงจัดเป็นผู้ป่วยในโซนสีเขียว คือเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่วนที่ว่ามีการแซงคิว เนื่องจากมีผู้ป่วยอีกคนมีความดันต่ำ ถือว่าอาการหนักกว่า ส่วนภาพถ่ายที่บอกว่าผู้เสียชีวิตความดันต่ำ พบว่า เป็นของผู้ป่วยรายก่อนหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้กดรีเซตเครื่อง
ผอ.โรงพยาบาล เผยว่า เหตุที่เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองไม่ใช่พยาบาล เนื่องจากกำลังดูแลผู้ป่วยอาการหนักอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน จึงให้ผู้ที่เรียนจบทางด้านเวชกิจฉุกเฉินมาช่วยที่บริเวณจุดคัดกรอง ทำให้ญาติคนไข้อาจไม่เข้าใจว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่
ด้านลูกสาวผู้ตาย ระบุว่า สิ่งที่ ผอ.โรงพยาบาล ออกมาให้ข่าวขัดแย้งกับความจริง โดยพ่อถูกแซงคิวทั้งที่นั่งวีลแชร์ จนตนเองต้องไปถามเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ตอนวัดความดัน เจ้าหน้าที่บอกว่า ความดันของพ่อ 38 แต่กลับมีการชี้แจงว่า ไม่ใช่ความดันของพ่อแต่เป็นของคนไข้ก่อนหน้า เป็นต้น ยอมรับว่า ตอนแรกไม่โกรธ แต่ตอนนี้โกรธแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
