ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ปัดค้ายาเสพติด รับถูกจับที่ออสเตรเลีย เพราะโชคร้าย ยันไม่กระทบคุณสมบัติ เพราะกฎหมายคนละประเทศ ถูกดิสเครดิต ถ้าล้มตนได้ก็ล้มรัฐบาล ประยุทธ์ ได้
อ่านข่าว : พรรคเพื่อชาติ โชว์หลักฐาน ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติ ส.ส. แฉเคยถูกถอดยศสมัยรัฐบาลชวน
ร.อ. ธรรมนัส
กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องโอละพ่อ
กลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามต้องการโจมตีตนปล่อยข่าว
เพราะหากล้มตนได้จะสามารถโค่นล้มรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้
คดีที่เกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย
ตามฐานของกฎหมายในประเทศเขาคือความผิดระดับลหุโทษเท่านั้น
เชื่อว่าจะไม่กระทบกับคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เพราะกฎหมายของประเทศออสเตรเลียไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายของประเทศไทย
ส่วนที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนดข้อห้ามการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ในคดียาเสพติดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้านั้น ตนไม่ใช่ผู้ผลิต
ไม่ใช่ผู้ค้าใด ๆ ทั้งสิ้น คดีเกิดขึ้นช่วงที่ไปเที่ยวที่ออสเตรเลีย
ตนถือเป็นบุคคลที่โชคร้าย ตนเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้อง
แต่เกิดเรื่องเพราะตนอยู่ในพื้นที่และอยู่ในเหตุการณ์ที่คนไทย 2 คน
ถูกจับคดียาเสพติด ข้อหาที่ตนโดนคือรู้ว่ามีการค้ายาเสพติด แต่ไม่แจ้งตำรวจ
ภาพจาก สปริงนิวส์
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคเพื่อชาติ ได้มีการโชว์หลักฐานว่า ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า ขาดคุณสมบัติ ส.ส.
เนื่องจากเคยถูกจับติดคุกประเทศออสเตรเลีย โทษฐานขนเฮโรอีน ศาลพิพากษาจำคุก
และติดคุกออสเตรเลียหลายปี
ต่อมารัฐบาลไทยทำเรื่องขอโอนตัวกลับมายังประเทศไทย
และกลับเข้ารับราชการทหาร ต่อมาปี 2541 มีชื่อเข้าไปพัวพันคดีฆาตกรรม
ดร.พูลสวัสดิ์ จิราภรณ์ คดีนี้โด่งดังเพราะมีการข่มขืนผู้ตายซึ่งเป็นผู้ชาย
สุดท้ายศาลยกฟ้อง
อ่านข่าว : พรรคเพื่อชาติ โชว์หลักฐาน ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติ ส.ส. แฉเคยถูกถอดยศสมัยรัฐบาลชวน
เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
วันที่ 11 กรกฎาคม 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า ร.อ. ธรรมนัส
พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
ตนมั่นใจในคุณสมบัติความเป็น ส.ส. และรัฐมนตรีไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ
ที่มีข่าวว่าตนเคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาให้จำคุกในคดียาเสพติดนั้น
ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง ช่วงปี 2535-2536
ตนตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ไม่แจ้งการพบเห็นบุคคลที่มียาเสพติด
ศาลพิพากษาจำคุก 8 เดือน
ก่อนจะพ้นโทษและประกอบอาชีพเป็นเซลส์แมนที่ออสเตรเลีย 4 ปี
ก่อนถูกส่งกลับประเทศไทย
เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียไม่ต้องการให้คนที่รวมตัวทำธุรกิจในประเทศโดยไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง
ไม่ใช่การส่งตัวกลับไทยในฐานะผู้ร้ายในคดีร้ายแรง
ภาพจาก สปริงนิวส์
ส่วนกรณีที่ตนถูกถอดยศทางราชการเพราะความผิดประพฤติผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงนั้น
ได้รับการล้างมลทิน เมื่อปี 2550
และที่ถูกท้วงติงว่าอาจจะขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมนั้น
จริยธรรมเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ ตนทราบดีว่าอะไรดีหรืออะไรชั่ว
ตนไม่มีปัญหาใด ๆ เรื่องคุณสมบัติ ดังนั้น หากฝ่ายใดที่จะตรวจสอบตน
หากไม่ผิดขอให้ยอมรับ และระวังการดำเนินคดีคืนด้วย ฝ่ายที่ดิสเครดิต
หากไม่หยุดตนก็เตรียมดำเนินคดีเช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก