ญาติลูกน้องแจ๊ส แค้นพี่ถูกฆ่าโหด ลั่นฆาตกรไม่ใช่คน - เมียแจ๊ส ผวา ขนลูกหนีพ้นบ้าน

          แจง ภรรยาแจ๊ส ชวนชื่น หวั่นไม่ปลอดภัย ขนลูกหนี หวั่นคนร้ายตามมาก่อเหตุซ้ำ ด้านญาติคนก่อเหตุ เผย เจ้าตัวมีนิสัยรุนแรง เสพยา และมีเรื่องชาวบ้านไปทั่ว



          เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานความคืบหน้ากรณี แจ๊ส ชวนชื่น แจ้งความว่า นายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี ลูกน้องในบ้าน เป็นคนงานล้างเครื่องจักร ถูกเพื่อนบ้าน คือ นายเสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี ฆ่าจนเสียชีวิต โดยเอาศพมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมเปิดเผยว่า บ้านตนเองและบ้านผู้ก่อเหตุมักมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ่อยมานานหลายปี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองสงสารครอบครัวของผู้ตาย เพราะลูกเขายังเล็ก จึงอยากให้ตำรวจจับตัวให้ได้โดยเร็ว

          อ่านข่าว : แจ๊ส ชวนชื่น สงสารคนงานถูกฆ่าตายหน้าบ้าน แจ๊ส ชวนชื่น ชี้ลูกยังเล็ก ทนายเผยศพถูกย้าย

          นางแย้ม (นามสมมติ) อายุ 50 ปี คนรู้จักของผู้ตาย เปิดเผยว่า ทราบเรื่องจากคำบอกเล่าของเพื่อนของผู้ตายและพี่เลี้ยงเด็กของบ้านแจ๊ส ที่นั่งอยู่ในรถที่ถูกทุบ ว่า คืนวันเกิดเหตุตอน 3 ทุ่ม ผู้ตายและเพื่อน ๆ นั่งกินเหล้าอยู่ที่ร้านชำหน้าปากซอย ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถยนต์แต่งซิ่งมาที่ร้านชำและมีการท้าแข่งรถกับเพื่อนผู้ตาย เมื่อรับคำท้า มีการแข่งกัน ผู้ก่อเหตุแพ้ จึงได้ขับเบียดรถเพื่อนผู้ตายจนเข้าข้างทาง ขณะที่เพื่อนผู้ตายทำเรื่องแจ้งความ ผู้ตายอาสาเป็นตัวกลางไปเคลียร์กับผู้ก่อเหตุที่บ้าน โดยไปคนเดียว จึงถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายจนเสียชีวิตดังกล่าว

          ตนเองยืนยันว่า ผู้ตายไม่ใช่นักเลง แต่เป็นคนอารมณ์ดี พูดจาเพราะ และไม่เคยมีเรื่องกับผู้ก่อเหตุมาก่อน แต่ผู้ก่อเหตุนั้น ตนเองได้ยินมาว่าเป็นนักเลง


          ด้าน นายยศเฉลิม อายุ 41 ปี เพื่อนผู้ตาย เล่าว่า ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุและตนมีแข่งรถกันจริง โดยคนเริ่มท้าคือผู้ก่อเหตุ แต่เขาแพ้ ขณะที่ตนกำลังยูเทิร์นรถกลับ ผู้ก่อเหตุได้ขับรถชนเข้าที่ข้างประตูรถตนจนเสียหลักขึ้นไปบนทางเท้า แล้วขับหนีไป หลังจากนั้น ตนเองไม่รู้ว่าเพื่อนตามไปหาผู้ก่อเหตุที่บ้าน เพราะตนเองคุยกับประกันรถอยู่ มารู้อีกทีเพื่อนก็ถูกฆ่าตายแล้ว


          ขณะที่ นางสาวปุณณาสา พรหมยศ หรือ แจง ภรรยาของแจ๊ส ชวนชื่น เปิดเผยว่า แม่บ้านที่บ้านและพี่เลี้ยงของลูกต้องหนีตายเอาตัวรอด หลังมาเห็นเหตุการณ์ที่ผู้ก่อเหตุทำร้ายผู้ตายที่เป็นลูกน้องในบ้านตัวเอง โดยตอนนั้นตนให้แม่บ้านขับรถฮุนไดคันที่ถูกผู้ก่อเหตุใช้กระถางต้นไม้ทุบกระจกมาที่บ้าน หลังไปรับลูกสาวไปส่งคอนโดฯ ซึ่งแม่บ้านพยายามโทร. แจ้งคนในบ้านและตำรวจ ระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุหันมาเห็นจึงเดินมาที่รถ โดยใช้มือทุบรถและตะโกนบอกว่าให้ออกมา ก่อนจะใช้ไม้ตีรถและไปเอาขวดที่ใส่น้ำมันมาปาใส่รถ ระหว่างที่วิ่งเข้าไปเอาขวดน้ำมันทำให้แม่บ้านและพี่เลี้ยงใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีออกไปได้ โดยที่ผู้ก่อเหตุก็พยายามวิ่งตามมาทำร้าย แต่ไม่ทัน

          แจง กล่าวต่อว่า ตนเองกลัวคนร้ายจะกลับมาทำร้ายลูกที่บ้าน จึงจะไม่ให้ลูกอยู่บ้านสักพัก ตนเองยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับผู้ก่อเหตุมาก่อน


          ด้าน นายธรรมรัฐ อายุ 46 ปี น้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลังจากที่หลานตนขับรถแพ้แล้วก่อเหตุชนรถเพื่อนผู้ตาย แล้วหนีกลับมาบ้าน กลับมาทะเลาะกับพ่อและแม่เขาที่หน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายตามมาที่บ้าน มาขอเคลียร์ ด้วยความที่หลานยังทะเลาะกับที่บ้านอยู่ จึงโมโหแล้วหันมาหาเรื่องผู้ตายแทน และก่อเหตุดังกล่าว โดยปกติแล้ว ครอบครัวผู้ก่อเหตุชอบระรานชาวบ้านจนไม่มีใครอยากคบด้วย เพราะผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมก้าวร้าว และเสพยาเสพติด


          ส่วน นางสาวราตรี ญาติผู้ตาย กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่โหดร้ายแบบนี้ ผู้ก่อเหตุไม่น่าเรียกตัวเองว่าคน เพราะพี่ชายตนล้มลงไปแล้วยังเอากระถางต้นไม้มาทุบซ้ำอีก อยากให้มามอบตัวเพื่อรับผิดกับการกระทำที่ทำไว้ ซึ่งตนโกรธมากที่ทำกับพี่ชาย อยากจะถามว่า..

          "ถ้าตอนนี้คนที่ถูกกระทำเป็นคนในครอบครัวมึง หรือว่าเป็นญาติพี่น้องของมึง มึงจะรู้สึกอย่างไร มึงจะเสียใจเหมือนตอนนี้ที่ครอบครัวกูสูญเสียไหม คือ อยากถามว่า จิตใจมึงทำด้วยอะไร ทำไมถึงต้องทำพี่กูขนาดนี้ ไม่สงสารลูกเมียเขาเหรอ ลูกเมียเขามี พ่อแม่เขามี เขาจะอยู่อย่างไร"

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก