พระเมตตาเปี่ยมล้น... ช่วยเหลือผู้ป่วย โรคไต

          พระพี่นาง พระพี่นางเธอ สมเด็จพระพี่นาง สมเด็จพระพี่นางเธอ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ มักจะรับสั่งเสมอๆ ว่า การรักษาผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายนั้น ค่าใช้จ่ายสูง แต่ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณ ทรงโปรดให้ มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วย โรคไต ยากไร้ ติดตามอ่าน ข่าว พระพี่นาง ประวัติพระพี่นาง ประวัติพระพี่นางเธอ ได้ที่นี่ค่ะ



            สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มักจะรับสั่งเสมอ ๆ ว่า การรักษาผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายนั้น ค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเลือดล้างไตหรือการผ่าตัดเปลี่ยนไต แต่ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณ และพระกรุณาธิคุณ ทรงโปรดให้มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ยังทำคุณประโยชน์แก่ครอบครัว แก่สังคม และแก่ประเทศชาติ 
 
            ตลอดเวลาที่ก่อตั้งมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยจวบจนปัจจุบันกว่า 30 ปี โดยสนับสนุนให้มีการก่อตั้งหรือพัฒนา โครงการเปลี่ยนไต ขึ้นในโรงพยาบาลต่าง ๆ ศ.นพ.สุพัฒน์ วาณิชย์การ เลขาธิการมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวถึง รับสั่ง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิ วาสราชนครินทร์ เกี่ยวกับผู้ป่วยโรคไต 
 
            สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทยด้านการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างล้นพ้น 
 
            ที่ผ่านมาทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์องค์ประธานของสมาคมและมูลนิธิทางการแพทย์และการสาธารณสุขจำนวนมาก อาทิ มูลนิธิขาเทียม มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพิการทางสมอง และหนึ่งในนั้นมีมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย
 
            มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2521 โดย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นองค์ประธานตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการรักษาผู้ป่วยโรคไต และทางเดินปัสสาวะที่ยากไร้ รวมทั้งการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการผ่าตัดเปลี่ยนไต 
 
            ศ.นพ.สุพัฒน์ เล่าให้ฟังว่า มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งมาเมื่อปี 2521 แรกเริ่มเกิดจากหมอในโรงพยาบาลแต่ละแห่ง เห็นว่าคนไข้มีความลำบากและเดือดร้อนเมื่อป่วยเป็นโรคไต จึงได้กราบทูลเชิญ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาเป็นองค์ประธาน ท่านทรงรับไปพิจารณาอยู่หลายเดือน จึงทรงตอบรับ ท่านทรงทราบดีว่าคนป่วยโรคไตลำบาก พระองค์ท่านพอจะรู้เรื่องโรคไตอยู่บ้าง เนื่องจากสมเด็จพระชนก ทรงประชวรด้วยโรคไต 
 
            สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิ วาสราชนครินทร์ ทรงรับสั่งเสมอกับคนที่มาบริจาคเงินให้กับมูลนิธิ ว่าผู้ป่วยโรคไตใช้เงินเยอะ ปีแรกของ การก่อตั้งมูลนิธิในปี 2521 เริ่มประชุมใหญ่ในปี 2523 ตอนนั้นมูลนิธิมีเงินอยู่เพียง 1 ล้าน 2 แสนบาท 
 
            หากเป็นมูลนิธิอื่นอาจเอาเงินก้อนนี้เป็นทุนเพื่อให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูน แต่มูลนิธิโรคไตเอาเงิน 1 ล้านบาทมาใช้ เหลือ 2 แสนบาท หากรอ ดอกเบี้ยคงอีกนาน เพราะเรื่องช่วยเหลือคนไข้รอไม่ได้ ท่านก็เข้าพระ ทัย ทรงอนุมัติเงิน 1 ล้านให้ใช้ หลังจากนั้นก็ค่อยหาเงินเข้ามาใหม่ 
 
            เรื่องเล่าของการใช้เงินของพระองค์เพื่อคนป่วยยังมีอีกว่า ศ.นพ.สุพัฒน์ เล่าว่า เงินพระราชทานจากพระองค์ท่าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระราชทานเงินไป 2 โรงพยาบาล โรงพยาบาลแห่งแรกบอกไม่ใช้เงินนี้เพื่อเก็บไว้เป็นมิ่งขวัญ แต่อีกโรงพยาบาลใช้หมดภายใน 1 ปีโรงพยาบาลแรกท่านบอกว่าไม่ชอบ ตรัสว่าเงินต้องไปใช้กับผู้ป่วย รอไม่ได้ และความที่ท่านเจริญพระชันษามากับสมเด็จย่า เรื่องอาหารผู้ป่วยเป็นเรื่องสำคัญ ท่านจะรับสั่งให้เอาเงินพระราชทานไปเป็นค่าอาหารสมทบให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล เพื่อจะได้กินอาหารดีถูกหลักโภชนาการยิ่งขึ้น
 
            เลขาธิการมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ยังถ่ายทอดพระจริยาวัตรอันเปี่ยมพระเมตตาที่มีต่อผู้ป่วยโรคไตอีกว่า เวลาที่มีผู้บริจาคเงินให้มูลนิธิโรคไต ท่านจะขอบอกขอบใจ และมอบเงินให้กับมูลนิธิฯต่อหน้าเจ้าของเงินนั้นเลย นอกจากนี้ในทุกปี ท่านจะบริจาคเงินส่วนพระองค์มอบให้กับมูลนิธิฯเป็นประจำบางปีไม่ได้บริจาค ปีถัดไปก็บริจาคให้เพิ่มเป็น 2 เท่า 
 
            แม้พระองค์จะทรงมีพระภารกิจมากมายขนาดไหน แต่ในช่วงประชุมใหญ่ของมูลนิธิโรคไต ตลอดระยะเวลา 26 ปี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมาร่วมประชุมทุกปีมิเคยขาด
 
            นอกจากนี้ยังเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานประกาศ นียบัตรไตเทียม ให้กับพยาบาลไตเทียมที่ได้ทุนอบรมพยาบาลไตเทียมของมูลนิธิฯ เพื่อออกไปทำงานในโรงพยาบาล ในต่างจังหวัดปีละประมาณ 60 คน (ปัจจุบันอบรมไปแล้ว 724 คน ) นับตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปี 2547 ยังความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจให้กับเหล่าพยาบาลเหล่านี้ ที่ได้รับประกาศนียบัตรจากพระหัตถ์ 
 
            การรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในปัจจุบันนี้ นับวันจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ทั่วทั้งประเทศ พยาบาลไตเทียมที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน จึงเป็นกำลังยิ่งในการอภิบาลรักษาผู้ป่วยด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยรักษาชีวิตในกรณีไตวายเฉียบพลัน 
 
            หรือต่อชีวิตให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังเท่านั้น ยังช่วยเกื้อหนุนให้ผู้ป่วยกลับมีชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ พยาบาลไตเทียมจึงต้องมีความรู้ความชำนาญและเข้าใจทั้งเครื่องไตเทียม วิธีการดูแลรักษา ตลอดจนตัวผู้ป่วย อีกทั้งต้องมีความเมตตา อาทร และอดทน นอกจากนี้ต้องมีความอุตสาหะ พากเพียร และใฝ่รู้ หมั่นศึกษาเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ให้เป็นนิสัย จึงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พระเมตตาเปี่ยมล้น... ช่วยเหลือผู้ป่วย โรคไต โพสต์เมื่อ 5 มกราคม 2551 เวลา 00:00:00 7,329 อ่าน
TOP
x close