นายหน้าที่ดินครอบครัว แพรวา เผยมีคนติดต่อขอซื้อแล้ว-ยันไม่ทับซ้อนพื้นที่อุทยานฯ

 

              คืบหน้าคดีแพรวา นายหน้าขายที่ดินเผยมีคนติดต่อขอซื้อแล้ว ยืนยันที่ดินใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ทับซ้อนเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด สามารถซื้อ-ขายได้อย่างถูกต้อง


             จากกรณีนางลัดดาวัลย์ อรุณวงศ์ แม่ของ น.ส.รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา เปิดใจ เตรียมขายที่ดินเพื่อเยียวยาชดใช้ครอบครัวของ 9 เหยื่อที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน หลังผ่านมานานกว่า 9 ปี เนื่องจากที่ผ่านมามีเงินสดไม่เพียงพอที่จะชดใช้ และคนในครอบครัวก็รู้สึกทุกข์ร้อนอย่างแสนสาหัสนั้น

             อ่านข่าว : แม่แพรวา พูดแล้ว ขายสมบัติที่ดิน 100 ล้าน หาเงินชดใช้ พร้อมแจง เหตุไม่จ่ายตั้งแต่แรก

             ล่าสุด (22 กรกฎาคม 2562) ข่าวช่องวัน รายงานว่า นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างรอ นางลัดดาวัลย์ นำเงินมาจ่ายเยียวยาเหยื่อตามคำสั่งศาล กว่า 40 ล้านบาท แต่มีเงินสดไม่เพียงพอ โดยมีโฉนดที่ดินที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และที่ดินย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

             ทั้งนี้ นางลัดดาวัลย์ แจ้งว่า มีผู้มาติดต่อขอซื้อที่ดินแล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ดิน 21 ไร่ ของครอบครัวแพรวา ตั้งอยู่ใกล้เขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดจะเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานหรือไม่ ตัวแทนขายที่ดินของครอบครัวแพรวา ยืนยันว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวสามารถซื้อ-ขายได้อย่างถูกต้อง และมีสำเนาเอกสารที่ดินชัดเจน หากไม่ถูกต้องทางบริษัทคงไม่กล้าเป็นตัวแทนประกาศขายอย่างแน่นอน

               ขณะที่ นายธวัชชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ได้เร่งดำเนินการประสานการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยในวันอังคารที่ 23 กันยายน 2562 เวลา 10.00 น. จะมีการแถลงข่าวภาพรวมความคืบหน้าคดี ในส่วนของขั้นตอนการชดเชยความเสียหายนั้น โดยทั่วไปหากจำเลยไม่ชดใช้ค่าเสียหายหลังศาลมีคำพิพากษาให้ชำระค่าชดเชยความเสียหายตามกำหนดเวลา โจทก์สามารถขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ ซึ่งกรณีนี้ต้องไปขอที่ศาลแพ่ง เพราะศาลแพ่งเป็นผู้ออกคำสั่งการขอออกหมายบังคับคดี จากนั้นศาลแพ่งจะส่งหมายบังคับคดีไปที่ที่สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 เมื่อได้รับหมายก็จะเป็นหน้าที่ของโจทก์ หรือเจ้าหนี้ที่ต้องดำเนินการสืบหาทรัพย์ ว่าจำเลยมีทรัพย์สินใดบ้าง ซึ่งในส่วนนี้โจทก์หรือเจ้าหนี้สามารถนำคำพิพากษาของศาลไปขอตรวจสอบทรัพย์สินได้

               ทั้งนี้ หลังพบทรัพย์สินแล้ว สามารถนำมายื่นคำร้องเพื่อขอตั้งเรื่องบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินที่ได้มาชดเชย ซึ่งหากมีเอกสารพร้อม พนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถดำเนินการได้ทันที โดยการบังคับคดีและสืบเสาะทรัพย์ มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา อย่างไรก็ตามหากพบมีกรณีที่จำเลยโอนย้ายทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่น ทำให้ทรัพย์ดังกล่าวไม่ใช่ของจำเลยแล้ว โจทก์หรือเจ้าหนี้จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนความเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นจากผู้รับโอนก่อนได้

ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ข่าวช่องวัน