รพ.น่าน เผยโรคเนื้อเน่า-แบคทีเรียกินเนื้อคน ระบาดหนักมาก ในเดือนกรกฎาคม มีคนป่วยแล้ว 25 ราย มีอาการหนักต้องอยู่ไอซียู 1 ราย เตือนชาวนาอย่าประมาท
เมื่อวานนี้ (23 กรกฎาคม 2562) เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน รายงานว่า โรงพยาบาลน่าน ได้มีการออกมาเตือนประชาชนหลังพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่า และหนังเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน แค่ในเฉพาะเดือนกรกฎาคมนี้ มีผู้ป่วยแล้วถึง 25 คน และ 1 ใน 25 มีอาการรุนแรง ขณะนี้ต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากจากเดือนมิถุนายน ที่มีผู้ป่วยเพียง 2 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลน่าน ระบุว่า โรคเนื้อเน่า และหนังเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมีประวัติไปดำนา ลุยโคลน โดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า โดยที่ไม่ได้มีการทำแผล หรือรักษาใด ๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ เป็นเหตุให้เชื้อโรค เข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้ ซึ่งส่วนใหญ่โรคเนื้อเน่า เกิดจากเชื้อโรคทั้งชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น คลอสติเดียม และเชื้อชนิดใช้ออกซิเจน เช่น สแตปฟิโลคอคคัส สเตรปโตคอคคัส ชนิดที่สามารถสร้างสารพิษได้
โดยอาการของโรคเนื้อเน่า จะมีผิวหนังบวมแดงร้อน
ถ้าเชื้อลงลึกกินทั้งชั้นผิวหนังจะพบตุ่มพุพอง และค่อย ๆ
เปลี่ยนสีเป็นสีม่วง และถ้าเนื้อตายจะกลายเป็นสีดำ บางรายอาจจะต้องตัดขา
หรืออาจจะมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ไข้สูง และทำให้เสียชีวิต
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย คือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
ได้แก่ คนที่ดื่มสุราเป็นประจำ เป็นโรคตับแข็ง โรคเบาหวาน
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการรับประทานยาสเตียรอยด์
ส่วนใหญ่โรคนี้จะระบาดในฤดูฝนในช่วงที่เกษตรกรต้องลงดำนาและลุยโคลน
จึงขอเตือนให้ผู้ที่ทำนา ถ้ามีแผลตามร่างกาย ขอให้รีบขึ้นจากโคลน รีบล้างแผลโดยให้น้ำสะอาดไหลผ่าน ซับด้วยผ้าสะอาด และปิดแผล ถ้ามียาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีนสามารถใช้ทาแผลได้ แล้วรีบมาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อให้ตรวจรักษาต่อไป
สำหรับการรักษา แพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อตายออกให้หมด และให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งถ้าเชื้อยังไม่ลุกลามเข้ากระแสเลือด ผลลัพธ์ของการรักษาจะค่อนข้างดี สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่ได้ลงนา หรือไม่มีบาดแผลก็อาจจะติดเชื้อดังกล่าวได้ โดยการเกา หรือมีบาดแผลถลอกเล็กน้อย เชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือสแตปฟิโลคอคคัสที่อยู่บริเวณผิวหนังอาจจะเข้าไปในแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าผู้ใดมีผิวหนังบวมแดงอย่างรวดเร็ว แล้วมีตุ่มพุพองที่ผิวหนัง แนะนำให้รีบมาตรวจรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่อวานนี้ (23 กรกฎาคม 2562) เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน รายงานว่า โรงพยาบาลน่าน ได้มีการออกมาเตือนประชาชนหลังพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่า และหนังเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน แค่ในเฉพาะเดือนกรกฎาคมนี้ มีผู้ป่วยแล้วถึง 25 คน และ 1 ใน 25 มีอาการรุนแรง ขณะนี้ต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากจากเดือนมิถุนายน ที่มีผู้ป่วยเพียง 2 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลน่าน ระบุว่า โรคเนื้อเน่า และหนังเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมีประวัติไปดำนา ลุยโคลน โดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า โดยที่ไม่ได้มีการทำแผล หรือรักษาใด ๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ เป็นเหตุให้เชื้อโรค เข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้ ซึ่งส่วนใหญ่โรคเนื้อเน่า เกิดจากเชื้อโรคทั้งชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น คลอสติเดียม และเชื้อชนิดใช้ออกซิเจน เช่น สแตปฟิโลคอคคัส สเตรปโตคอคคัส ชนิดที่สามารถสร้างสารพิษได้
จึงขอเตือนให้ผู้ที่ทำนา ถ้ามีแผลตามร่างกาย ขอให้รีบขึ้นจากโคลน รีบล้างแผลโดยให้น้ำสะอาดไหลผ่าน ซับด้วยผ้าสะอาด และปิดแผล ถ้ามียาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีนสามารถใช้ทาแผลได้ แล้วรีบมาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อให้ตรวจรักษาต่อไป
สำหรับการรักษา แพทย์จำเป็นต้องตัดเนื้อตายออกให้หมด และให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งถ้าเชื้อยังไม่ลุกลามเข้ากระแสเลือด ผลลัพธ์ของการรักษาจะค่อนข้างดี สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ไม่ได้ลงนา หรือไม่มีบาดแผลก็อาจจะติดเชื้อดังกล่าวได้ โดยการเกา หรือมีบาดแผลถลอกเล็กน้อย เชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือสแตปฟิโลคอคคัสที่อยู่บริเวณผิวหนังอาจจะเข้าไปในแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าผู้ใดมีผิวหนังบวมแดงอย่างรวดเร็ว แล้วมีตุ่มพุพองที่ผิวหนัง แนะนำให้รีบมาตรวจรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้