กรมการแพทย์ เตือนระวังโรคนิ่วในถุงน้ำดี ชี้เป็นภัยใกล้ตัวไม่แสดงอาการชัดเจน ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า

ภาพจาก สำนักข่าว INN
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 นายแพทย์สมศักดิ์
อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบว่า นิ่วในถุงน้ำดี
มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ
1-2 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย และโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
จะมีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนทั่วไป
โดยมีสาเหตุมาจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดที่มีอยู่ในน้ำดี ส่วนปัจจุบันในการตกผลึกของสารเหล่านี้ เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ หลาย ๆ ก้อนก็ได้
ด้านนายแพทย์สมเกียรติ
ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการของนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่พบอาการผิดปกติแสดงให้เห็น
และมักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจเช็กร่างกาย
ในรายที่ก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อส่งน้ำดี จะมีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ
ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา
ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวาหรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา
มักปวดนานเป็นชั่วโมง และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
บางรายอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม
อาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมันหรือกินอาหารมื้อหนัก
บางคนอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง)
สำหรับการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ โดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้องสามารถทำได้สำเร็จถึงร้อยละ 95 ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่แสดงอาการ อาจตรวจพบตอนไปตรวจรักษาโรคอื่น ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้รับการผ่าตัด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีการอักเสบและมีโรคแทรกซ้อนตามมา
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

ภาพจาก สำนักข่าว INN
โดยมีสาเหตุมาจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดที่มีอยู่ในน้ำดี ส่วนปัจจุบันในการตกผลึกของสารเหล่านี้ เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ หลาย ๆ ก้อนก็ได้

ภาพจาก สำนักข่าว INN
สำหรับการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ โดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้องสามารถทำได้สำเร็จถึงร้อยละ 95 ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่แสดงอาการ อาจตรวจพบตอนไปตรวจรักษาโรคอื่น ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้รับการผ่าตัด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีการอักเสบและมีโรคแทรกซ้อนตามมา