แม่เด็กแว้น ฉะอาสาฯ เปลี่ยน รพ. เป็นโรงฆ่าสัตว์ แม้ลูกบิดมอเตอร์ไซค์อัดคนจนปางตาย

          แม่เด็กแว้น รับไม่ได้ลูกถูกอาสาฯ ปิดม่านทุบ เหมือนโรงพยาบาลเป็นโรงฆ่าสัตว์ ด้านเพื่อนรับตั้งใจหนีเพราะไม่ใส่หมวกกันน็อก โดนขวางกะทันหัน เลยชนอาสาฯ อาการปางตาย


          จากกรณีคลิปฉาว ชายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายคนไข้ภายในโรงพยาบาล ซึ่งทราบต่อมาว่า คนที่อัดคนไข้คือ อาสาฯ ที่ไม่พอใจที่เด็กแว้นชนเพื่อนอาสาฯ ด้วยกันจนขาหัก 2 ข้าง อาการปางตาย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาขอโทษ และบอกว่าที่สาวหมัดไปนั้น แทบไม่โดนเด็กแว้นเลย

อ่านข่าว : เปิดใจอาสาฯ รูดม่านต่อยเด็กแว้นคาเตียง รับโมโหจนคุมไม่ได้ แต่ต่อยไปแทบไม่โดน

          ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นายธนา อายุ 21 ปี เพื่อนของนายเอ็ม เด็กแว้นที่ถูกทำร้าย เล่าว่า คืนวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตนนั่งดื่มเบียร์กับนายเอ็มที่บ้านใน ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยดื่มไปเพียงแค่ 1 ขวด เวลา 23.00 น. ก็ชวนกันไปเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์ หลังเติมน้ำมันเสร็จกำลังจะกลับบ้าน เห็นเจ้าหน้าที่ตั้งด่านห่างออกไปเกือบ 200 เมตร นายเอ็มจึงขี่รถย้อนศรกลับ เพื่อหลบหนีไม่เข้าด่าน เพราะกลัวที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก รวมถึงไม่มีใบขับขี่ โดยตนก็ขี่ย้อนศรตามไปเพราะกลัวถูกจับเช่นเดียวกัน

          จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อาสาฯ ประมาณ 3-4 คน กระโดดออกมาจากข้างทางเพื่อขวางรถนายเอ็มไว้ ทำให้เจ้าตัวเสียหลักพุ่งชนเจ้าหน้าที่ก่อนรถจะล้มลงไป ตนยอมรับว่านายเอ็มขี่รถเร็ว โดยบิดเต็มที่ เพราะต้องการหลบหนี ประกอบกับข้างทางค่อนข้างมืด ทำให้ชนอาสาฯ คนดังกล่าว ซึ่งเมื่อตนเห็นเหตุการณ์ก็ขี่รถกลับเข้าด่าน และถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปสถานีตำรวจและจ่ายค่าปรับ แต่ตนก็ไม่เห็นว่านายเอ็มจะถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วก็พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ได้เกินที่กฎหมายกำหนด และยืนยันว่าพวกตนไม่ใช่เด็กแว้น เพราะไม่ได้ออกไปแข่งรถ เพียงแค่ไปเติมน้ำมันเท่านั้น


          ด้าน น.ส.ปภาภรณ์ สุโรรัมย์ อายุ 49 ปี แม่นายเอ็ม กล่าวว่า หลังจากที่เห็นคลิปกล้องวงจรปิดที่ลูกถูกทำร้ายร่างกายที่โรงพยาบาล ตนถึงกับเข่าทรุดด้วยความสงสารลูกชาย หลังทราบเรื่องที่ลูกชายขี่รถหนีด่าน ตนก็ไปเยี่ยมที่สถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าตัวมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และมีรอยช้ำแดงที่ตาด้านซ้าย ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเกิดจากรถล้ม โดยลูกชายบอกตนว่าถูกทำร้าย ตนก็เข้าใจว่าน่าจะถูกทำร้ายที่หน้าด่านตรวจ จึงบอกลูกชายไปว่าไม่เป็นไรเพราะลูกทำผิด ซึ่งส่วนตัวไม่รู้สึกติดใจ หากลูกถูกทุบตีที่หน้าด่าน

          แต่การทำร้ายลูกซึ่งได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาล ตนรับไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลถือว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ในคลิปยังมีผู้ใหญ่ยืนอยู่หลายคน แต่กลับไม่มีใครห้าม ทั้งยังปิดม่านตีทำเหมือนเป็นโรงฆ่าสัตว์ โดยตนเข้าใจว่าอาสาฯ คนดังกล่าวอาจจะโกรธแค้นลูกตน ซึ่งแค้นได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ เพราะปัจจุบันแม้แต่ตีสุนัขก็มีความผิด

          ทั้งนี้ ตนคิดว่าหลังจากนี้อาจจะแจ้งความอาสาฯ ที่ทำร้ายร่างกายลูกชายตน เพราะตนรู้สึกแย่มาก ส่วนอาสาฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ ตนเคยไปเยี่ยมแล้ว 1 ครั้ง ได้พบเจ้าตัว ซึ่งยังไม่สามารถพูดได้ และไม่พบญาติ จึงไม่ได้พูดคุยกัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก