กรมชลประทาน แจงการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ยันระบายไม่เกิน 900 ลบ.ม./วินาที หลังมีคนตั้งข้อสงสัย ทำไมต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง หวั่นชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อน ต้องรองรับน้ำท่วมต่อเนื่อง
ล่าสุด (4 กันยายน 2562) เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน เผยบทสัมภาษณ์ นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท กรมชลประทาน ได้ชี้แจงในกรณีที่เกิดขึ้นว่า การระบายน้ำในลักษณะนี้ดำเนินการมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว โดยจะเพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็นแบบขั้นบันได ยืนยันว่าจะระบายน้ำลงท้ายเขื่อน ไม่เกิน 900 ลบ.ม./วินาที
ส่วนสาเหตุเป็นเพราะพื้นที่ทางตอนบนของ
จ.นครสวรรค์ บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำยม จ.สุโขทัย มีปริมาณน้ำมาก
จากฝนที่ตกหนักในเขต จ.แพร่, อุตรดิตถ์ และ จ.สุโขทัย
ซึ่งปริมาณน้ำส่วนหนึ่งจะถูกผันไปเก็บในทุ่งบางระกำ
และบางส่วนจะระบายลงแม่น้ำน่าน ส่วนที่เหลือจะไหลลงมาที่ จ.นครสวรรค์
ที่มีการระบายน้ำจากลุ่มน้ำยม เข้าบึงบอระเพ็ดด้วยแล้ว
ทำให้ช่วยหน่วงน้ำได้ในระดับหนึ่ง
จากการสอบถาม
นายอนุกุล เรือนแก้ว นายอำเภอเสนา ถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ
ซึ่งนายอำเภอเสนา ระบุว่า หากมีการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 1,000
ลบ.ม./วินาที จะมีน้ำท่วมเขต อ.เสนา แต่ชาวบ้านที่นี่ จะปลูกบ้านใต้ถุนสูง
จะมีปัญหาเฉพาะการเข้า-ออก ถนนกับตัวบ้าน
และเท่าที่สำรวจริมแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งพอสมควร
อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำในลักษณะนี้ ทางกรมชลประทานได้ทำเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูน้ำหลาก อีกทั้ง การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะต้องสอดคล้องกับน้ำที่สะสมอยู่ที่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ด้วย จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงมาให้ทราบโดยทั่วกัน
![กรมชลประทาน กรมชลประทาน]()
![กรมชลประทาน กรมชลประทาน]()
![กรมชลประทาน กรมชลประทาน]()

ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน
จากกรณีกรมชลประทาน ประกาศแจ้งด่วนเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา
ช่วงเย็นวานนี้ (4 กันยายน) ในอัตรา 750 ลบ.ม./วินาที
ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ลุ่มหลายอำเภอใน จ.อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา
แนวแม่น้ำน้อย น้ำท่วม 10-20 เซนติเมตร
และแจ้งว่าอาจจะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น เพราะในอีก 3 วันข้างหน้า
สถานการณ์น้ำเหนือที่จะไหลมาสมทบที่ จ.นครสวรรค์ ในวันที่ 7 กันยายน นี้
คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยพร้อมกังวลว่า
การระบายน้ำเพิ่มทุกชั่วโมง อาจส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่
ที่ต้องรองรับน้ำท่วมต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด (4 กันยายน 2562) เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน เผยบทสัมภาษณ์ นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท กรมชลประทาน ได้ชี้แจงในกรณีที่เกิดขึ้นว่า การระบายน้ำในลักษณะนี้ดำเนินการมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว โดยจะเพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็นแบบขั้นบันได ยืนยันว่าจะระบายน้ำลงท้ายเขื่อน ไม่เกิน 900 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้
เมื่อปริมาณน้ำดังกล่าวเดินทางมาถึงบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
จะใช้ระบบชลประทานแบ่งรับน้ำส่วนหนึ่งเข้าพื้นที่ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
ไม่ว่าจะเป็นคลองชัยนาท-ป่าสัก คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง หรือแม่น้ำน้อย
รวมกันประมาณ 550 ลบ.ม./วินาที
ส่วนสาเหตุที่ต้องเร่งระบายน้ำออกทางท้ายเขื่อนนั้น
เพราะเป็นช่วงน้ำทะเลไม่หนุน จะทำให้การระบายน้ำออกอ่าวไทยทำได้เร็ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน
อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำในลักษณะนี้ ทางกรมชลประทานได้ทำเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูน้ำหลาก อีกทั้ง การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะต้องสอดคล้องกับน้ำที่สะสมอยู่ที่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ด้วย จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอบรั้วชลประทาน