ศูนย์วิจัยฯ ไทยพาณิชย์ ชี้ไทยเสี่ยงโดนสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์เพิ่มนอกจาก GSP เหตุติดอันดับประเทศส่งออกมากกว่านำเข้า ทำสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากกว่า 1.9 หมื่นล้าน รวมถึงกรณีทำค่าเงินแข็งต่อเนื่องเพื่อประโยชน์การค้าของไทย
ภาพจาก Phuketian.S / shutterstock.com
วันที่ 30 ตุลาคม 2562 TNN รายงานว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้ออกบทวิเคราะห์กรณีที่สหรัฐฯ เตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ระบบ GSP สินค้าไทย 573 รายการ ซึ่งครอบคลุมมูลค่าการค้าประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยระบุว่า จะมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในวงจำกัด เนื่องจากสินค้าที่ถูกตัดสิทธิ์ GSP ดังกล่าว จะมีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.9% ซึ่งจะกระทบยอดขายไม่มากนักทั้งนี้ SCB EIC ระบุว่า จากการที่ไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูง และเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงติดอันดับ 25 ประเทศแรก ไทยย่อมตกเป็นเป้าสายตาของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอินเดียและตุรกี ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูง และโดนสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ภาพจาก JStone / shutterstock.com
นอกจากนี้ SCB EIC ยังประเมินว่า ไทยยังคงมีความเสี่ยงเรื่องการเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน เพื่อหวังผลทางการค้า (Currency manipulator) ในระยะข้างหน้า และอาจทำให้ไทยถูกกีดกันทางการค้าในรูปแบบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เนื่องจากขณะนี้ไทยอาจเข้าเกณฑ์เป็นผู้แทรกแซงค่าเงิน 2 จาก 3 เกณฑ์ตามที่สหรัฐฯ กำหนดแล้ว คือ1. ไทยมีแนวโน้มเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 6.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ 2%
2. ธปท. ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทต่อเนื่องเกินกว่า 6 เดือน ในรอบ 1 ปีย้อนหลัง และเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐเกินกว่า 2% ของ GDP ไทย
ส่วนเกณฑ์ข้อ 3 ที่ไทยยังไม่เข้าข่าย คือ การเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ที่ยังไม่เกินดุลมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ปัจจุบันไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
และเป็นไปได้ที่ตัวเลขการเกินดุลจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น
จึงมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะประกาศให้ไทยอยู่ใน Monitoring list หรือเป็น Currency manipulator ได้ในระยะข้างหน้า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก