เปิดใจ พีท คนเลือดบวก เปิดคอร์สเซ็กส์สด โนสน โนแคร์ แจงชวนคนติดเชื้อ HIV มีเซ็กส์ไม่ใส่ถุงยาง เผยแพร่ทฤษฎีใหม่
มันเกิดอะไรขึ้น ?
"จริง ๆ เป็นคอนเทนต์หนึ่งที่พีทเขียนให้สังคม มีประชากรกลุ่มหนึ่งที่มีรสนิยมไม่สามารถใช้ถุงยางได้จริง ๆ ผมเห็นกระแสสังคมที่เป็นทวิตเตอร์ด้านสายดาร์ก ผมเห็นว่าคลิปที่เผยแพร่ออกมามีพฤติกรรมใช้ถุงยางน้อยลง หรือไม่ใช้ถุงยางเลย ผมไม่ได้เพิ่งดูนะ ผมดูสังคมนี้มา 2-3 ปีแล้ว ตั้งแต่เปิดเพจมา ประชากรกลุ่มนี้รสนิยมเขาเป็นแบบนั้น และเขาไม่มีองค์ความรู้จะดูแลตัวเองเลย ผมเห็นว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับสภาวะที่จะดูแลคู่นอน ซึ่งก็เกิดการแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมา ไม่ว่าจะ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น"
ที่รณรงค์หมายถึงคนติดเชื้อ HIV ด้วยกันใช่ไหม ?
คนที่ไม่มีเชื้อ HIV จะยอมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงเหรอ ?
"ก็มันมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้น หลังมีประเด็นเรื่องนี้ ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในทฤษฎี มันมีองค์ความรู้อยู่อันหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก คือทฤษฎี U=U แปลว่าคนเลือดบวกที่กินยาต้านไวรัสอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี เขาจะสามารถกดปริมาณไวรัสให้มีปริมาณน้อยกว่า 40 ตัวได้ คนที่ออกมาไม่ยอมรับทฤษฎี U=U เขาอาจไม่มั่นใจก็ได้ ด้วยความศึกษาไม่มากพอ หรือไม่รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโลกใบนี้เกี่ยวกับ HIV"
หลายคนที่เขารณรงค์การใช้ถุงยาง ที่โดนดราม่าเพราะรณรงค์ไม่ใช้ ต้องการอะไร ?
"ต้องการให้คนที่เขาไม่ใช้ถุงยางอยู่แล้ว มีความรู้ที่จะดูแลตัวเอง และสกรีนนิ่งตัวเองซะ ไม่ว่าจะ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ แล้วก็อย่าส่งต่อเชื้อให้คนอื่น"
คนที่ไม่เชื่อ ?
ติดเชื้อได้ยังไง ?
"ผมไม่รู้ว่าติดเชื้อโดยวิธีไหน ได้แต่เดา และมองย้อนกลับไป ตอนนั้นผมจัดฟันและใช้เทคนิคที่กั้นลิ้น เอาเหล็กแหลม ๆ ติดด้านในของฟัน 6 ซี่ แล้วลิ้นขูดกับเหล็กทุกวันจนเป็นแผล และน่าจะไปออรัลเซ็กส์ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่อง HIV เลย ผมไม่รู้วิธีป้องกัน รู้แค่ว่าการใช้ถุงยางอย่างเดียวก็จะปลอดภัย พอวันที่ผมพลาด ผมมองเห็นปัญหา ไม่ใช่เพราะผมพลาด แต่ผมไม่มีความรู้ที่จะป้องกันตัวเอง"
รู้ได้ไงว่าตัวเองมีเชื้อ ?
"แฟนที่คบกันตอนนั้นชวนเราไปตรวจเลือด มีแคมเปญสมาคมฟ้าสีรุ้ง เขาบอกว่าชวนกันไปตรวจเลือดจะให้ตั๋วหนัง 2 ใบ ก็ชวนกันไปตรวจกับแฟน แฟนคนนี้ก็มีเซ็กส์กันมาแบบไม่ป้องกัน เป็นแฟนคนแรกในชีวิต เราก็บอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น รับผิดชอบร่วมกันนะ"
ก่อนหน้านี้ใช้ไหม ?
"พีทใช้ครับ ค่อนข้างมั่นใจว่าพีทใช้ เพราะก่อนหน้านี้พีทเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำงานเก่งและหนักมาก เรื่องนี้ซีเรียสสำหรับพีทมาก ๆ"
พอรู้แล้วคิดจะฆ่าตัวตาย ?
"จริงครับ ตอนแรกเรารับตัวเองไม่ได้ เพราะภาพที่ฝังหัวเรามา เป็นเอดส์ก็ต้องตาย พระบาทน้ำพุนั่นคือที่ไปของเรา ต้องตายท้ายหมู่บ้าน ปูผ้ายางนอน แบบนั้น ตอนนั้นไม่รู้ว่า HIV คืออะไร ต้องอยู่ยังไง"
จริงหรือไม่ ตอนอกหักใช้ชีวิตเหลวไหล ?
"ใช่ครับ ประชดชีวิตครับ ใช้ยาเสพติด ทำเซ็กส์โชว์ในทวิตเตอร์ ตอนนั้นมันสิ้นหวัง หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ อยากตายให้พ้น ๆ ก่อนผมจะกระโดดเข้าไปในวงการ ผมมีปัญหากับที่บ้าน พ่อพูดว่ากูอายเหลือเกินที่มีมึงเป็นลูก กูเลี้ยงมึงหวังให้มึงมาดูแลกู แต่สุดท้ายมึงจะมาตายก่อนกู ไอ้ลูกทรพี พีทได้ยินเสร็จปุ๊บก็พูดกับพ่อว่า ถ้าลูกคนนี้ทำให้พ่อภูมิใจไม่ได้ ก็ไม่ขอทำให้พ่ออับอายชาวบ้าน ขอออกไปใช้ชีวิตคนเดียวก็ได้ รอวันตาย ลืมไปเลยก็ได้ว่ามีผมเป็นลูก พ่อจะได้ไม่ต้องมาอับอายว่าผมเป็นอะไร"
กลับใจเข้ารักษาเมื่อไหร่ ?
"จริง ๆ ผมเข้ารับการรักษาตลอด ตั้งแต่รู้ผลเลือดตัวเอง ไม่เคยรีรอที่จะรับยา ตอนนั้นไม่มีองค์ความรู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากินยาต้องดีกว่า ถ้าไม่ดีเขาคงไม่ให้กิน ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย รู้แค่กินยื้อชีวิต"
พ่อรู้ไหมว่าติดเชื้อ ?
ตอนมาประกวดมิสเตอร์เกย์เวิลด์ พีทเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนติดเชื้อ HIV ปฏิกิริยาคนรอบข้างเป็นยังไง ?
"ตอนนั้นผมโดนกระแสมารอบหนึ่งหลังเปิดเผยผลเลือด เพราะออกมาจากโลกยาเสพติดและเซ็กส์โชว์ ผมก็จะมีรอยด่างพร้อยในชีวิตอยู่แล้ว พอผมมาเปิดตัว จะมีคนจำนวนหนึ่งคอยด่าผม แฉเรื่องราวของผม ซึ่งผมยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องจริงในชีวิตผม ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ"
การที่พีทโพสต์ไปแบบนั้น คนไม่ได้เข้าใจว่าพีทกำลังจะเผยแพร่ทฤษฎีใหม่ แต่เขามองว่าพีทชวนให้คนติดเชื้อ HIV แพร่เชื้อให้คนอื่นด้วยการไม่ใส่ถุงยาง ?
"เขาอาจมีองค์ความรู้เรื่องการป้องกัน HIV ไม่ว่าจะถุงยาง ยาต่าง ๆ หรือฝั่งคนเลือดบวก เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าคนเลือดบวกไม่แพร่เชื้อก็ได้นะ ทั่วโลกเขาสื่อสารกันว่าคนเลือดบวกที่ตรวจที่ไม่เจอเชื้อแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ของเขาไม่ว่าจะใช้ถุงยางหรือไม่ใช้ถุงยางกับใคร ความเสี่ยงเป็นศูนย์"
หลังพีทติดเชื้อแล้ว ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ได้แพร่เชื้อให้คนอื่นบ้างแล้ว ?
"ต้องเรียนว่าตอนพีทเถลไถลกับชีวิต เป็นปีที่ 3 ที่อยู่กับ HIV ผมรับยาต้านตั้งแต่ปี 2558 สองปีแรกของการอยู่กับ HIV ผมอยู่กับแฟน ผมกินยาต้านไวรัส จนตรวจไม่เจอเชื้อตั้งแต่ปีแรก ฉะนั้นเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ จากนั้นไม่มีใครติดเชื้อ HIV จากผมแน่นอน เพราะผมไม่แพร่เชื้อตั้งแต่ปีแรก"
ตัวพีทหาไม่เจอ ก็คิดว่าจะไม่แพร่ให้ใคร แล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ?
"ตอนผมทำเซ็กส์โชว์ ไม่ได้รู้เรื่อง U=U และไม่เคยขอให้ใครมีเซ็กส์โดยไม่ใช้ถุงยาง แต่ถ้าคุณขอก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ตอนนั้นแค่ประชดจริง ๆ เรามารู้ทีหลังว่าเราไม่ได้แพร่เชื้อให้ใคร แต่ด้วยความที่เราเป็นเกย์ ความยากในการส่งต่อให้คนเป็นรุก มันยากกว่าอยู่แล้ว"
พีทคิดว่าเป็นคนรับ คนรับแพร่เชื้อน้อยกว่าคนรุก ?
"พีทมีความเชื่อ ซึ่งพีทไม่ได้โกหกใคร ณ ตอนทำเซ็กส์โชว์ ใครจะมีเพศสัมพันธ์กับพีทแบบไม่ใช้ถุงยาง จะบอกผลเลือดกับเขาก่อน ให้ความจริงกับเขา ผมไม่โกหกนะครับ"
มีคนกล้ามีเพศสัมพันธ์กับพีท ถ้า 10 คน กี่คนที่กล้ามีเพศสัมพันธ์ด้วยโดยไม่ใช้ถุงยาง ?
พีทเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเพศ ?
"ไม่ได้หมกมุ่นครับ แต่เป็นคนชอบลองสังคมมากกว่า ถ้าโดยปกติ พีทแทบไม่มีเซ็กส์เลย พีทมองว่าถ้าพีทมีเซ็กส์กับคนเลือดลบ เขาจะกล้ามีเซ็กส์กับคนเลือดบวกคนอื่น ๆ"
ใช้ตัวเองเป็นตัวทดลอง ?
"ใช่ครับ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องใหม่ สำหรับผมขอให้เอาความดีความชอบ ประเพณีนิยมออกไปก่อนนะครับ ผมมองว่าถ้าเขากล้ามีเซ็กส์กับผม ถ้าเขาจะอยู่ในความสัมพันธ์กับใครสักคนที่เป็นคนเลือดบวก เขาจะยอมรับได้ สิ่งที่ผมเห็นคือคนเลือดลบกับคนเลือดบวกเข้าใจไม่ตรงกัน คนเลือดบวกไม่รู้ว่าตัวเองไม่แพร่เชื้อก็ได้ ก็ไม่อยากส่งต่อเชื้อให้กับแฟน แล้วแฟนก็รักแทบตาย ปรากฏว่าผลักแฟนออกจากชีวิต มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเยอะมาก"
ถ้าอยู่กันต่อไป แล้วสวมถุงยางไม่ดีกว่าเหรอ ?
"เอาความจริงกับทฤษฎี ผมว่าไม่เหมือนกัน ผมว่าคนเป็นคู่รักกัน เขาไม่อยากใช้ถุงยางกันหรอก"
แล้วคำว่าปลอดภัยล่ะ ?
"ก็ต้องจูงมือไปตรวจเลือด หรือสกรีนนิ่งเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันก่อน ที่ผมบอกคือก่อนคุณมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช้ถุงยางได้ คุณต้องมีขั้นตอน เช็กอัพตัวเองก่อน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มแปดไม่ใช้ถุงเลย ซึ่งขั้นตอนมันเยอะและยุ่งยากมาก แต่ถ้าทำได้ก็มีสิทธิ์"
จริงหรือไม่ พีทบอกชาวบ้านว่าถ้าไม่สวมถุงยางอนามัย แล้วมีเพศสัมพันธ์ แล้วหลั่งภายนอกจะไม่ติดเชื้อ HIV ?
"ผมไม่เคยพูดคำนี้นะ มันง่ายมากกับการพิจารณาความเสี่ยง"
คนมาด่าพีทเพราะพีทไม่ใช่หมอ เวลาคนมาด่า พีทก็บอกว่าไม่ได้พูด เป็นเฟกนิวส์ ?
"โพสต์มี 3 โพสต์ที่ตั้งใจให้เป็นเฟกนิวส์ โพสต์ทฤษฎีแพร่เชื้อทั้งประเทศ กับรับงานไฮ ใช้ยาเสพติดร่วมด้วย มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกับลูกค้า พีทโพสต์จริง แค่อยากรู้ว่าจะมีคนดีลกับเราไหม แต่ไม่ได้ทำจริง ๆ"
เป็นนักทดสอบเหรอ ?
"ใช่ครับ"
กำลังทดสอบเรื่องเป็นอันตรายกับตัวพีทเองที่จะได้รับความเกลียดชังกับสังคม ?
"สำหรับผม ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับคนเลือดบวกในสังคมคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าผมเจอด้วยตัวผมเอง ผมรับมือไหว แต่ถ้าคนเลือดบวกโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ เขาจะอยู่ยังไง"
ทำไมรับได้ ?
"เพราะพีทรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ถ้าผมตอบตัวเองได้ว่าทำไปเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ผมไม่สนชาวโลก เพราะสิ่งที่ผมทำมาตลอดไม่เคยสนชาวโลกมาสักอย่าง"
ไม่กลัวไม่มีที่ยืนในสังคม ?
"ผมว่าไม่มีใครทำให้ผมไม่มีที่ยืนในสังคมได้ ไม่ใช่ผมไม่กลัวใครนะ ผมมองว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ยืนในสังคมเท่าเทียมกัน และผมก็มองว่าถ้าคนมาด่าผม ใช้คำที่หยาบคาย เขามีที่ยืนในสังคม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะยืน เขาเป็นใครมาตัดสินผมว่าจะให้อยู่หรือไม่อยู่"
ใช้ชีวิตโนสน โนแคร์ ?
"ประมาณนั้น"
พีทจะเปิดคอร์สเซ็กส์สด ?
"มีความคิดที่จะสอน แต่จะสอนให้ฟรีอยู่แล้ว มันเป็นองค์ความรู้นะ ไม่ใช่ปฏิบัติ คนที่เอาไปแคป เอาไปทำข่าว เขาคงเข้าใจว่าผมคงจะนัดคนมาเซ็กส์หมู่กันมั้ง ผมก็งงมาก 500 บาทในโพสต์คือห้องประชุมครับ ไม่ได้มีเซ็กส์ มาสอนทฤษฎี เป็นอะไรที่ตลกมาก ทำไมถึงเป็นประเด็น คนอาจคิดว่าผมเอาคน 20 คนมาสอนเซ็กส์สดกัน"
สิ่งที่กำลังทำ สวนทางกับกระแสสังคมปัจจุบันที่เขารณรงค์ให้ใช้ถุงยาง ?
"ถ้าการรณรงค์ใช้ถุงยางมันได้ผล ก็คงยุติปัญหาเอดส์มานานแล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เสริม แต่ผมมองเห็นกลุ่มประชากรที่ไม่ใช้ มันก็ไม่ใช้จริง ๆ มันก็เป็นต้นตอปัญหา ไม่ใช่ถุงยาง การให้ความรู้กับคนชอบแบบสด ถึงจะไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขามีความรู้ระดับหนึ่งที่จะดูแลตัวเองและดูแลคู่ของเขา ผมมองว่าเซ็กส์ไม่ใช้ถุงยางเป็นสิทธิมนุษยชนแบบหนึ่ง เป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวที่เขาตกลงกันได้ คนเลือดลบทำอะไรได้ คนเลือดบวกก็ทำได้นะ"
ถ้าพีทเชื่อของพีทคนเดียว พีทจะไม่โดนด่า ตอนนี้พีทเอาความเชื่อของพีทมาเผยแพร่ในพื้นที่ที่เป็นพับลิก และมีคนเข้ามาอ่าน เขาเลยไม่พอใจการรณรงค์ของพีท ?
"ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาเข้าใจจริง ๆ จะไม่มานั่งเถียงผมหรอก"
จะพูดอะไรกับสังคมให้เขาเข้าใจมากขึ้น ?
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55-14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (12 ธันวาคม 2562) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา"
เปิดใจสัมภาษณ์ "ฐิฏิวัสส์ ศิรเศรษฐกร" หรือ "พีท คนเลือดบวก"
หลังเกิดกระแสดราม่าหนักมาก
กรณีโพสต์แนวคิดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย
พร้อมเชิญชวนผู้ติดเชื้อ HIV
ให้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยเพื่อแพร่เชื้อสู่คนปกติ
"จริง ๆ เป็นคอนเทนต์หนึ่งที่พีทเขียนให้สังคม มีประชากรกลุ่มหนึ่งที่มีรสนิยมไม่สามารถใช้ถุงยางได้จริง ๆ ผมเห็นกระแสสังคมที่เป็นทวิตเตอร์ด้านสายดาร์ก ผมเห็นว่าคลิปที่เผยแพร่ออกมามีพฤติกรรมใช้ถุงยางน้อยลง หรือไม่ใช้ถุงยางเลย ผมไม่ได้เพิ่งดูนะ ผมดูสังคมนี้มา 2-3 ปีแล้ว ตั้งแต่เปิดเพจมา ประชากรกลุ่มนี้รสนิยมเขาเป็นแบบนั้น และเขาไม่มีองค์ความรู้จะดูแลตัวเองเลย ผมเห็นว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับสภาวะที่จะดูแลคู่นอน ซึ่งก็เกิดการแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมา ไม่ว่าจะ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น"
ที่รณรงค์หมายถึงคนติดเชื้อ HIV ด้วยกันใช่ไหม ?
"ผมรณรงค์ทุกคน ความรู้ของคนเลือดลบ เขาก็ต้องเรียนรู้แบบคนเลือดลบ คนเลือดบวกก็ต้องเรียนรู้แบบคนเลือดบวก"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
"ก็มันมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้น หลังมีประเด็นเรื่องนี้ ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในทฤษฎี มันมีองค์ความรู้อยู่อันหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก คือทฤษฎี U=U แปลว่าคนเลือดบวกที่กินยาต้านไวรัสอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี เขาจะสามารถกดปริมาณไวรัสให้มีปริมาณน้อยกว่า 40 ตัวได้ คนที่ออกมาไม่ยอมรับทฤษฎี U=U เขาอาจไม่มั่นใจก็ได้ ด้วยความศึกษาไม่มากพอ หรือไม่รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโลกใบนี้เกี่ยวกับ HIV"
หลายคนที่เขารณรงค์การใช้ถุงยาง ที่โดนดราม่าเพราะรณรงค์ไม่ใช้ ต้องการอะไร ?
"ต้องการให้คนที่เขาไม่ใช้ถุงยางอยู่แล้ว มีความรู้ที่จะดูแลตัวเอง และสกรีนนิ่งตัวเองซะ ไม่ว่าจะ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ แล้วก็อย่าส่งต่อเชื้อให้คนอื่น"
คนที่ไม่เชื่อ ?
"ผมว่าเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล
ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาเชื่อกันทั่วโลก ผมเป็นคนเลือดบวกเอง
ก่อนจะมาพูดได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ ผมต้องศึกษามาพอสมควร
เพราะกว่าผมจะมาเปิดเพจให้ความรู้คน
ผมก็ไม่กล้าการันตีหรือพูดในสิ่งที่ไม่ชัวร์หรือไม่มั่นใจ"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
"ผมไม่รู้ว่าติดเชื้อโดยวิธีไหน ได้แต่เดา และมองย้อนกลับไป ตอนนั้นผมจัดฟันและใช้เทคนิคที่กั้นลิ้น เอาเหล็กแหลม ๆ ติดด้านในของฟัน 6 ซี่ แล้วลิ้นขูดกับเหล็กทุกวันจนเป็นแผล และน่าจะไปออรัลเซ็กส์ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่อง HIV เลย ผมไม่รู้วิธีป้องกัน รู้แค่ว่าการใช้ถุงยางอย่างเดียวก็จะปลอดภัย พอวันที่ผมพลาด ผมมองเห็นปัญหา ไม่ใช่เพราะผมพลาด แต่ผมไม่มีความรู้ที่จะป้องกันตัวเอง"
รู้ได้ไงว่าตัวเองมีเชื้อ ?
"แฟนที่คบกันตอนนั้นชวนเราไปตรวจเลือด มีแคมเปญสมาคมฟ้าสีรุ้ง เขาบอกว่าชวนกันไปตรวจเลือดจะให้ตั๋วหนัง 2 ใบ ก็ชวนกันไปตรวจกับแฟน แฟนคนนี้ก็มีเซ็กส์กันมาแบบไม่ป้องกัน เป็นแฟนคนแรกในชีวิต เราก็บอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น รับผิดชอบร่วมกันนะ"
ก่อนหน้านี้ใช้ไหม ?
"พีทใช้ครับ ค่อนข้างมั่นใจว่าพีทใช้ เพราะก่อนหน้านี้พีทเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำงานเก่งและหนักมาก เรื่องนี้ซีเรียสสำหรับพีทมาก ๆ"
พอรู้แล้วคิดจะฆ่าตัวตาย ?
"จริงครับ ตอนแรกเรารับตัวเองไม่ได้ เพราะภาพที่ฝังหัวเรามา เป็นเอดส์ก็ต้องตาย พระบาทน้ำพุนั่นคือที่ไปของเรา ต้องตายท้ายหมู่บ้าน ปูผ้ายางนอน แบบนั้น ตอนนั้นไม่รู้ว่า HIV คืออะไร ต้องอยู่ยังไง"
จริงหรือไม่ ตอนอกหักใช้ชีวิตเหลวไหล ?
"ใช่ครับ ประชดชีวิตครับ ใช้ยาเสพติด ทำเซ็กส์โชว์ในทวิตเตอร์ ตอนนั้นมันสิ้นหวัง หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ อยากตายให้พ้น ๆ ก่อนผมจะกระโดดเข้าไปในวงการ ผมมีปัญหากับที่บ้าน พ่อพูดว่ากูอายเหลือเกินที่มีมึงเป็นลูก กูเลี้ยงมึงหวังให้มึงมาดูแลกู แต่สุดท้ายมึงจะมาตายก่อนกู ไอ้ลูกทรพี พีทได้ยินเสร็จปุ๊บก็พูดกับพ่อว่า ถ้าลูกคนนี้ทำให้พ่อภูมิใจไม่ได้ ก็ไม่ขอทำให้พ่ออับอายชาวบ้าน ขอออกไปใช้ชีวิตคนเดียวก็ได้ รอวันตาย ลืมไปเลยก็ได้ว่ามีผมเป็นลูก พ่อจะได้ไม่ต้องมาอับอายว่าผมเป็นอะไร"
กลับใจเข้ารักษาเมื่อไหร่ ?
"จริง ๆ ผมเข้ารับการรักษาตลอด ตั้งแต่รู้ผลเลือดตัวเอง ไม่เคยรีรอที่จะรับยา ตอนนั้นไม่มีองค์ความรู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากินยาต้องดีกว่า ถ้าไม่ดีเขาคงไม่ให้กิน ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย รู้แค่กินยื้อชีวิต"
พ่อรู้ไหมว่าติดเชื้อ ?
"รู้ครับ พ่อแสดงท่าทีรังเกียจ มีแต่แม่ที่ปลอบใจ"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
"ตอนนั้นผมโดนกระแสมารอบหนึ่งหลังเปิดเผยผลเลือด เพราะออกมาจากโลกยาเสพติดและเซ็กส์โชว์ ผมก็จะมีรอยด่างพร้อยในชีวิตอยู่แล้ว พอผมมาเปิดตัว จะมีคนจำนวนหนึ่งคอยด่าผม แฉเรื่องราวของผม ซึ่งผมยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องจริงในชีวิตผม ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ"
การที่พีทโพสต์ไปแบบนั้น คนไม่ได้เข้าใจว่าพีทกำลังจะเผยแพร่ทฤษฎีใหม่ แต่เขามองว่าพีทชวนให้คนติดเชื้อ HIV แพร่เชื้อให้คนอื่นด้วยการไม่ใส่ถุงยาง ?
"เขาอาจมีองค์ความรู้เรื่องการป้องกัน HIV ไม่ว่าจะถุงยาง ยาต่าง ๆ หรือฝั่งคนเลือดบวก เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าคนเลือดบวกไม่แพร่เชื้อก็ได้นะ ทั่วโลกเขาสื่อสารกันว่าคนเลือดบวกที่ตรวจที่ไม่เจอเชื้อแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ของเขาไม่ว่าจะใช้ถุงยางหรือไม่ใช้ถุงยางกับใคร ความเสี่ยงเป็นศูนย์"
หลังพีทติดเชื้อแล้ว ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ได้แพร่เชื้อให้คนอื่นบ้างแล้ว ?
"ต้องเรียนว่าตอนพีทเถลไถลกับชีวิต เป็นปีที่ 3 ที่อยู่กับ HIV ผมรับยาต้านตั้งแต่ปี 2558 สองปีแรกของการอยู่กับ HIV ผมอยู่กับแฟน ผมกินยาต้านไวรัส จนตรวจไม่เจอเชื้อตั้งแต่ปีแรก ฉะนั้นเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ จากนั้นไม่มีใครติดเชื้อ HIV จากผมแน่นอน เพราะผมไม่แพร่เชื้อตั้งแต่ปีแรก"
ตัวพีทหาไม่เจอ ก็คิดว่าจะไม่แพร่ให้ใคร แล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ?
"ตอนผมทำเซ็กส์โชว์ ไม่ได้รู้เรื่อง U=U และไม่เคยขอให้ใครมีเซ็กส์โดยไม่ใช้ถุงยาง แต่ถ้าคุณขอก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ตอนนั้นแค่ประชดจริง ๆ เรามารู้ทีหลังว่าเราไม่ได้แพร่เชื้อให้ใคร แต่ด้วยความที่เราเป็นเกย์ ความยากในการส่งต่อให้คนเป็นรุก มันยากกว่าอยู่แล้ว"
พีทคิดว่าเป็นคนรับ คนรับแพร่เชื้อน้อยกว่าคนรุก ?
"พีทมีความเชื่อ ซึ่งพีทไม่ได้โกหกใคร ณ ตอนทำเซ็กส์โชว์ ใครจะมีเพศสัมพันธ์กับพีทแบบไม่ใช้ถุงยาง จะบอกผลเลือดกับเขาก่อน ให้ความจริงกับเขา ผมไม่โกหกนะครับ"
มีคนกล้ามีเพศสัมพันธ์กับพีท ถ้า 10 คน กี่คนที่กล้ามีเพศสัมพันธ์ด้วยโดยไม่ใช้ถุงยาง ?
"ผมว่าเกินครึ่งครับ
ผมก็ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น ตอนรู้ผลเลือด
ผมก็ยังพิสูจน์สังคมอยู่ว่าใครจะกล้ามีเพศสัมพันธ์กับผมไหม สาบานว่ามีจริง
ๆ ทุกคนมาขอมีเซ็กส์กับผมแบบไม่ใช้ถุงยางทั้งนั้น เพราะเขาติดตามผม
จะรู้ว่าผมพูดเรื่องอะไร"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
"ไม่ได้หมกมุ่นครับ แต่เป็นคนชอบลองสังคมมากกว่า ถ้าโดยปกติ พีทแทบไม่มีเซ็กส์เลย พีทมองว่าถ้าพีทมีเซ็กส์กับคนเลือดลบ เขาจะกล้ามีเซ็กส์กับคนเลือดบวกคนอื่น ๆ"
ใช้ตัวเองเป็นตัวทดลอง ?
"ใช่ครับ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องใหม่ สำหรับผมขอให้เอาความดีความชอบ ประเพณีนิยมออกไปก่อนนะครับ ผมมองว่าถ้าเขากล้ามีเซ็กส์กับผม ถ้าเขาจะอยู่ในความสัมพันธ์กับใครสักคนที่เป็นคนเลือดบวก เขาจะยอมรับได้ สิ่งที่ผมเห็นคือคนเลือดลบกับคนเลือดบวกเข้าใจไม่ตรงกัน คนเลือดบวกไม่รู้ว่าตัวเองไม่แพร่เชื้อก็ได้ ก็ไม่อยากส่งต่อเชื้อให้กับแฟน แล้วแฟนก็รักแทบตาย ปรากฏว่าผลักแฟนออกจากชีวิต มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเยอะมาก"
ถ้าอยู่กันต่อไป แล้วสวมถุงยางไม่ดีกว่าเหรอ ?
"เอาความจริงกับทฤษฎี ผมว่าไม่เหมือนกัน ผมว่าคนเป็นคู่รักกัน เขาไม่อยากใช้ถุงยางกันหรอก"
แล้วคำว่าปลอดภัยล่ะ ?
"ก็ต้องจูงมือไปตรวจเลือด หรือสกรีนนิ่งเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันก่อน ที่ผมบอกคือก่อนคุณมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช้ถุงยางได้ คุณต้องมีขั้นตอน เช็กอัพตัวเองก่อน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มแปดไม่ใช้ถุงเลย ซึ่งขั้นตอนมันเยอะและยุ่งยากมาก แต่ถ้าทำได้ก็มีสิทธิ์"
จริงหรือไม่ พีทบอกชาวบ้านว่าถ้าไม่สวมถุงยางอนามัย แล้วมีเพศสัมพันธ์ แล้วหลั่งภายนอกจะไม่ติดเชื้อ HIV ?
"ผมไม่เคยพูดคำนี้นะ มันง่ายมากกับการพิจารณาความเสี่ยง"
คนมาด่าพีทเพราะพีทไม่ใช่หมอ เวลาคนมาด่า พีทก็บอกว่าไม่ได้พูด เป็นเฟกนิวส์ ?
"โพสต์มี 3 โพสต์ที่ตั้งใจให้เป็นเฟกนิวส์ โพสต์ทฤษฎีแพร่เชื้อทั้งประเทศ กับรับงานไฮ ใช้ยาเสพติดร่วมด้วย มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกับลูกค้า พีทโพสต์จริง แค่อยากรู้ว่าจะมีคนดีลกับเราไหม แต่ไม่ได้ทำจริง ๆ"
เป็นนักทดสอบเหรอ ?
"ใช่ครับ"
กำลังทดสอบเรื่องเป็นอันตรายกับตัวพีทเองที่จะได้รับความเกลียดชังกับสังคม ?
"สำหรับผม ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับคนเลือดบวกในสังคมคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าผมเจอด้วยตัวผมเอง ผมรับมือไหว แต่ถ้าคนเลือดบวกโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ เขาจะอยู่ยังไง"
ทำไมรับได้ ?
"เพราะพีทรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ถ้าผมตอบตัวเองได้ว่าทำไปเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ผมไม่สนชาวโลก เพราะสิ่งที่ผมทำมาตลอดไม่เคยสนชาวโลกมาสักอย่าง"
ไม่กลัวไม่มีที่ยืนในสังคม ?
"ผมว่าไม่มีใครทำให้ผมไม่มีที่ยืนในสังคมได้ ไม่ใช่ผมไม่กลัวใครนะ ผมมองว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ยืนในสังคมเท่าเทียมกัน และผมก็มองว่าถ้าคนมาด่าผม ใช้คำที่หยาบคาย เขามีที่ยืนในสังคม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะยืน เขาเป็นใครมาตัดสินผมว่าจะให้อยู่หรือไม่อยู่"
ใช้ชีวิตโนสน โนแคร์ ?
"ประมาณนั้น"
พีทจะเปิดคอร์สเซ็กส์สด ?
"มีความคิดที่จะสอน แต่จะสอนให้ฟรีอยู่แล้ว มันเป็นองค์ความรู้นะ ไม่ใช่ปฏิบัติ คนที่เอาไปแคป เอาไปทำข่าว เขาคงเข้าใจว่าผมคงจะนัดคนมาเซ็กส์หมู่กันมั้ง ผมก็งงมาก 500 บาทในโพสต์คือห้องประชุมครับ ไม่ได้มีเซ็กส์ มาสอนทฤษฎี เป็นอะไรที่ตลกมาก ทำไมถึงเป็นประเด็น คนอาจคิดว่าผมเอาคน 20 คนมาสอนเซ็กส์สดกัน"
สิ่งที่กำลังทำ สวนทางกับกระแสสังคมปัจจุบันที่เขารณรงค์ให้ใช้ถุงยาง ?
"ถ้าการรณรงค์ใช้ถุงยางมันได้ผล ก็คงยุติปัญหาเอดส์มานานแล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เสริม แต่ผมมองเห็นกลุ่มประชากรที่ไม่ใช้ มันก็ไม่ใช้จริง ๆ มันก็เป็นต้นตอปัญหา ไม่ใช่ถุงยาง การให้ความรู้กับคนชอบแบบสด ถึงจะไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขามีความรู้ระดับหนึ่งที่จะดูแลตัวเองและดูแลคู่ของเขา ผมมองว่าเซ็กส์ไม่ใช้ถุงยางเป็นสิทธิมนุษยชนแบบหนึ่ง เป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวที่เขาตกลงกันได้ คนเลือดลบทำอะไรได้ คนเลือดบวกก็ทำได้นะ"
ถ้าพีทเชื่อของพีทคนเดียว พีทจะไม่โดนด่า ตอนนี้พีทเอาความเชื่อของพีทมาเผยแพร่ในพื้นที่ที่เป็นพับลิก และมีคนเข้ามาอ่าน เขาเลยไม่พอใจการรณรงค์ของพีท ?
"ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาเข้าใจจริง ๆ จะไม่มานั่งเถียงผมหรอก"
จะพูดอะไรกับสังคมให้เขาเข้าใจมากขึ้น ?
"จริง
ๆ เรื่องการมีเซ็กส์แบบไม่ใช้ถุงยางเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักจริง ๆ
คืออยากให้คนเลือดลบรู้จักเครื่องมือในการป้องกัน HIV ว่ามีกี่แบบ
ใช้อย่างใดได้ใช้ ผมไม่ได้แนะนำให้ไม่ใช้เลย และองค์ความรู้ของคนเลือดบวก
ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีที่คนทั่วโลกเขาสื่อสารกัน"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"
ภาพจาก รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)"