น้องเดียว หนังตะลุงตาบอด เล่าหมดเปลือกปัญหาครอบครัว จับโป๊ะ จิ๊ป ภรรยา ได้ว่านำเงินของน้องเดียวไปเข้าบัญชีตัวเอง นอนกอดทุกคืนแต่ไม่ไว้ใจเรื่องเงิน ยอมรับมีสาวใหม่แล้ว ปัดเรียกกิ๊ก ได้กันแล้วถือเป็นเมีย
จากกรณี นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง หรือ น้องเดียว หนังตะลุงตาบอดชื่อดังทางภาคใต้ เข้าแจ้งความ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่าภรรยาคือ น.ส.สุนิสา สุวรรณแว่นทอง หรือ จิ๊ป อายุ 30 ปี และญาติของภรรยา ได้ขับรถยนต์ที่บ้าน 2 คัน และเอาสมุดบัญชีธนาคาร สมุดจดคิวงานหนีหายไปจากบ้าน หลังทะเลาะกันรุนแรง ต่อมา จิ๊ป ได้ให้สัมภาษณ์แบบหนังคนละม้วน บอกว่าตนยังอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ได้หนีไปไหน มีแต่ฝ่ายสามีที่ไม่กลับบ้านและไม่สามารถติดต่อได้นั้น
อ่านข่าว : เมียน้องเดียว โต้หนังคนละม้วน ปัดขโมยรถ แฉกลับสามีไม่กลับบ้าน โทร. หาก็ไม่รับ
วันที่ 15 ธันวาคม 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า น้องเดียว ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่โรงแรมใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ระบุว่า ตนกับภรรยามีปัญหากันมานานแล้ว ซึ่งเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกมากคือ ตนเพิ่งรู้ว่าบัญชีเงินฝากไม่ได้เป็นชื่อตน แต่เป็นชื่อภรรยาทั้งหมด ที่ทราบเพราะตนจะเบิกเงินไปซื้อเครื่องเสียง แต่ไม่สามารถเบิกได้ เมื่อไปตรวจสอบถึงได้รู้ ที่ผ่านมาก็มักมีปัญหากัน เพราะภรรยาไม่พอใจที่ตนใช้เงินไปดูแลพ่อแม่และครูอาจารย์ ไม่เข้าใจว่าตนต้องดูแลคนที่เคยดูแลตนมา ก่อนที่จะมีชื่อเสียง
อย่างเมื่อปี 2557 ตนมีเงินในบัญชี 4 ล้าน และแม่ของตนขอมา 2 ล้าน เพื่อจะเอาไปซื้อที่ดิน แต่ภรรยาไม่ยอมจึงทะเลาะกันหนักมาก ตนเลยให้ภรรยาไปถอนเงินทั้งหมดมาและแบ่งให้แม่ 2 ล้าน ภรรยาเอาไป 2 ล้าน เพื่อตัดความรำคาญ
หลังจากนั้นตนก็ให้ภรรยาเอาเงินไปเข้าธนาคารตลอด เวลาเบิกถอนก็จะพิมพ์ลายนิ้วมือและใช้บัตรประชาชนตนทุกครั้ง ซึ่งตนก็ไว้ใจ แต่เพิ่งมารู้ว่าบัญชีไม่ใช่ชื่อตน และตนก็ไม่ได้ทำบัตร ATM แต่บัญชีดังกล่าวกลับพบว่าทำบัตร ATM ด้วย ตนเสียความรู้สึกมากกับคนที่เรารักและไว้ใจที่สุด และนี่คือสิ่งที่ทำให้ไม่อยากกลับบ้าน
ส่วนวันที่ตนไปแจ้งตำรวจวันนั้น ก็ไม่ได้ไปแจ้งจับภรรยาตามที่ข่าวลง แต่ไปแจ้งเพื่อให้ตำรวจช่วยสกัดรถภรรยา เพื่อขอสมุดคิวงาน ยืนยันว่าจะไม่กลับไปอยู่กับภรรยาอีก เพราะขาดความไว้ใจ
ทั้งนี้ ในส่วนที่ว่า สรุปจะเลิกแล้วหรือไม่ ทางกฎหมายเราไม่ได้เลิกกัน เพราะยังไม่ได้หย่า แต่ทางหัวใจ ตนก็ยังโทร. หาปกติ โทร. หาลูก ยังกลับบ้านได้ แต่ถ้าเขาจะมีใคร ตนก็ไม่ว่า แต่จะให้ตนกลับไปอยู่บ้านด้วย คงไม่กลับแล้ว
ส่วนเรื่องเงินทองไม่ได้เกี่ยวกับตัวเลขว่าจะมากหรือไม่ แต่นี่เราถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลัง ตนมีหลักฐานและไม่ได้ปรักปรำหรือใส่ร้าย ความจริงไม่อยากให้ข่าวออกไป เพราะเกรงว่าเขาจะลำบาก
ส่วนเรื่องที่ตนมีกิ๊กหรือไม่นั้น ตอบเลยว่าไม่มีกิ๊ก เพราะคนที่ตนคบอยู่คือภรรยาเหมือนกัน ตนได้ใครแล้วก็รักและคือเมีย ยอมรับว่ามีเมียอีกคน เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ ตนมีปัญหากับภรรยาและก็คิดว่าจะไม่กลับมาคืนดีแล้ว จึงต้องหาคนใหม่เพื่อให้มาดูแล เพราะตนก็ตาบอด กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้าทำเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแล ภรรยาเพิ่งจะโทร. มาขอให้ตนกลับไปตอนมีคนใหม่แล้ว ซึ่งภรรยาก็ไม่รู้ว่าผมไปมีคนใหม่ ตรงนี้ตนก็ผิดที่กลับมาหาภรรยาโดยไม่ได้บอกว่ามีคนใหม่ "แต่หลังจากนี้ผมจะมีใครก็เป็นเรื่องของผม จะไม่กลับไปหาภรรยาแล้ว เพราะไม่มีความเชื่อใจในเรื่องเงินทอง"
จากกรณี นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง หรือ น้องเดียว หนังตะลุงตาบอดชื่อดังทางภาคใต้ เข้าแจ้งความ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่าภรรยาคือ น.ส.สุนิสา สุวรรณแว่นทอง หรือ จิ๊ป อายุ 30 ปี และญาติของภรรยา ได้ขับรถยนต์ที่บ้าน 2 คัน และเอาสมุดบัญชีธนาคาร สมุดจดคิวงานหนีหายไปจากบ้าน หลังทะเลาะกันรุนแรง ต่อมา จิ๊ป ได้ให้สัมภาษณ์แบบหนังคนละม้วน บอกว่าตนยังอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ได้หนีไปไหน มีแต่ฝ่ายสามีที่ไม่กลับบ้านและไม่สามารถติดต่อได้นั้น
อ่านข่าว : เมียน้องเดียว โต้หนังคนละม้วน ปัดขโมยรถ แฉกลับสามีไม่กลับบ้าน โทร. หาก็ไม่รับ
วันที่ 15 ธันวาคม 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า น้องเดียว ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่โรงแรมใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ระบุว่า ตนกับภรรยามีปัญหากันมานานแล้ว ซึ่งเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกมากคือ ตนเพิ่งรู้ว่าบัญชีเงินฝากไม่ได้เป็นชื่อตน แต่เป็นชื่อภรรยาทั้งหมด ที่ทราบเพราะตนจะเบิกเงินไปซื้อเครื่องเสียง แต่ไม่สามารถเบิกได้ เมื่อไปตรวจสอบถึงได้รู้ ที่ผ่านมาก็มักมีปัญหากัน เพราะภรรยาไม่พอใจที่ตนใช้เงินไปดูแลพ่อแม่และครูอาจารย์ ไม่เข้าใจว่าตนต้องดูแลคนที่เคยดูแลตนมา ก่อนที่จะมีชื่อเสียง
อย่างเมื่อปี 2557 ตนมีเงินในบัญชี 4 ล้าน และแม่ของตนขอมา 2 ล้าน เพื่อจะเอาไปซื้อที่ดิน แต่ภรรยาไม่ยอมจึงทะเลาะกันหนักมาก ตนเลยให้ภรรยาไปถอนเงินทั้งหมดมาและแบ่งให้แม่ 2 ล้าน ภรรยาเอาไป 2 ล้าน เพื่อตัดความรำคาญ
หลังจากนั้นตนก็ให้ภรรยาเอาเงินไปเข้าธนาคารตลอด เวลาเบิกถอนก็จะพิมพ์ลายนิ้วมือและใช้บัตรประชาชนตนทุกครั้ง ซึ่งตนก็ไว้ใจ แต่เพิ่งมารู้ว่าบัญชีไม่ใช่ชื่อตน และตนก็ไม่ได้ทำบัตร ATM แต่บัญชีดังกล่าวกลับพบว่าทำบัตร ATM ด้วย ตนเสียความรู้สึกมากกับคนที่เรารักและไว้ใจที่สุด และนี่คือสิ่งที่ทำให้ไม่อยากกลับบ้าน
ส่วนวันที่ตนไปแจ้งตำรวจวันนั้น ก็ไม่ได้ไปแจ้งจับภรรยาตามที่ข่าวลง แต่ไปแจ้งเพื่อให้ตำรวจช่วยสกัดรถภรรยา เพื่อขอสมุดคิวงาน ยืนยันว่าจะไม่กลับไปอยู่กับภรรยาอีก เพราะขาดความไว้ใจ
ทั้งนี้ ในส่วนที่ว่า สรุปจะเลิกแล้วหรือไม่ ทางกฎหมายเราไม่ได้เลิกกัน เพราะยังไม่ได้หย่า แต่ทางหัวใจ ตนก็ยังโทร. หาปกติ โทร. หาลูก ยังกลับบ้านได้ แต่ถ้าเขาจะมีใคร ตนก็ไม่ว่า แต่จะให้ตนกลับไปอยู่บ้านด้วย คงไม่กลับแล้ว
ส่วนเรื่องเงินทองไม่ได้เกี่ยวกับตัวเลขว่าจะมากหรือไม่ แต่นี่เราถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลัง ตนมีหลักฐานและไม่ได้ปรักปรำหรือใส่ร้าย ความจริงไม่อยากให้ข่าวออกไป เพราะเกรงว่าเขาจะลำบาก
ส่วนเรื่องที่ตนมีกิ๊กหรือไม่นั้น ตอบเลยว่าไม่มีกิ๊ก เพราะคนที่ตนคบอยู่คือภรรยาเหมือนกัน ตนได้ใครแล้วก็รักและคือเมีย ยอมรับว่ามีเมียอีกคน เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ ตนมีปัญหากับภรรยาและก็คิดว่าจะไม่กลับมาคืนดีแล้ว จึงต้องหาคนใหม่เพื่อให้มาดูแล เพราะตนก็ตาบอด กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้าทำเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแล ภรรยาเพิ่งจะโทร. มาขอให้ตนกลับไปตอนมีคนใหม่แล้ว ซึ่งภรรยาก็ไม่รู้ว่าผมไปมีคนใหม่ ตรงนี้ตนก็ผิดที่กลับมาหาภรรยาโดยไม่ได้บอกว่ามีคนใหม่ "แต่หลังจากนี้ผมจะมีใครก็เป็นเรื่องของผม จะไม่กลับไปหาภรรยาแล้ว เพราะไม่มีความเชื่อใจในเรื่องเงินทอง"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
