กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังอย่างเข้มข้น หลังเกิดโรคระบาดปริศนาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แนะหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมลภาวะที่เป็นพิษ
จากกรณีพบโรคปริศนาแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นของจีน มีผู้ป่วยกว่า 27 ราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดปลาในเมือง ซึ่งขายสัตว์ปีกและสัตว์ป่าหลายชนิด โดยองค์การอนามัยโลกได้ติดต่อจีน เร่งตรวจหาสาเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเชื้อดังกล่าวอาจจะมีสัตว์เป็นพาหะแพร่เชื้อนั้น
อ่านข่าว : โรคปริศนาแพร่ระบาดในจีน ติดเชื้อแล้ว 27 ราย หวั่นโรคซาร์ส กลับมาอีกครั้ง
ล่าสุด (4 มกราคม 2563) เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า กรมควบคุมโรค ได้ติดตามสถานการณ์ของโรคปอดอักเสบทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคปอดอักเสบอย่างเข้มข้นทุกช่องทางเข้า-ออกประเทศ โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมลภาวะที่เป็นพิษ หากมีไข้สูง, ไอมีเสมหะ หรือเหนื่อยหอบง่าย ควรรีบพบแพทย์ทันที
ด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวในประเทศจีนว่า พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสจำนวน 44 ราย จากเมืองอู่ฮั่น และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ทางการจีนได้ดำเนินการตรวจสอบที่มาของโรค ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุก่อโรค แต่เบื้องต้นพบว่า ไม่ใช่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไข้หวัดนก, อะดิโนไวรัส หรือโรคทางเดินหายใจที่พบได้ทั่วไป
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทำการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยการคัดกรองอาการไข้ และอาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจในผู้ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีหลายสายการบินและสนามบินที่เตรียมรับ ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่ และภูเก็ต
สำหรับประเทศไทย ได้มีการประกาศให้โรคซาร์ส (SARS) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งต้องมีการรายงานผู้ป่วยที่สงสัย ทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตราย ซึ่งมีในทุกจังหวัด และในส่วนกลางอีก 8 ทีม
อย่างไรก็ตาม โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) เดิมพบการติดเชื้อนี้ได้เฉพาะในสัตว์ที่มีขนาดเล็ก แต่ต่อมามีการกลายพันธุ์ เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ขึ้น และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
โดยในช่วงแรกผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ไอแห้ง หรือหายใจลำบาก เป็นต้น โดยสถานการณ์ของโรคซาร์ส (SARS) ในประเทศไทย พบว่า ไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคซาร์สภายในประเทศ ยกเว้นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกที่ป่วยด้วยโรคซาร์ส และเดินทางเข้ามารับการรักษาที่ประเทศไทย โดยไม่มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม สำหรับประเทศจีน เคยมีโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 349 ราย
นอกจากนี้ นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น ผู้ที่จะเดินทางสามารถเดินทางไปได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
- รักษาร่างกายให้อบอุ่น อยู่เสมอ
- สำหรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422