เพื่อนคนร้ายกราดยิงโคราช แฉอีก คนที่ก่อเหตุชักชวนเพื่อนคนอื่น ไปทวงเงินนางอนงค์ แต่เพื่อนไม่เอาด้วย ด้านจ่าที่เคยกู้ อทบ. ชี้ช่อง นายหน้าฟันกำไรอื้อซ่า คาดได้ไปไม่ต่ำกว่า 40 ล้าน
จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงโคราช นำไปสู่การเปิดโปงขบวนการกู้บ้านของกองทัพบก ที่เหล่านายทหารชั้นผู้น้อย กู้บ้านเพื่อเอาส่วนต่าง แต่กลับถูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่รังแก และพบว่า ขบวนการนี้มีช่องโหว่มากมาย (เปิดโปงขบวนการเงินทอน กู้สร้างบ้านสวัสดิการ ทบ. พบช่องโหว่ เอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อย)
ล่าสุด (13 กุมภาพันธ์ 2563) รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า ในกระบวนการกู้บ้านดังกล่าว ทหารแต่ละตำแหน่ง จะสามารถกู้บ้านกับ โครงการเพื่อการเคหะสงเคราะห์ (อทบ.) ได้ตามตำแหน่ง โดยพลทหาร-จ่าสิบเอก สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ร้อยตรี-ร้อยเอก สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 2 ล้านบาท พันตรี-พันโท สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 3 ล้านบาท และ พันเอกขึ้นไป สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 5 ล้านบาท
ด้าน จ่าท็อป (นามสมมติ) ทหารที่เคยกู้เงินกับโครงการเพื่อการเคหะสงเคราะห์ (อทบ.) เผยว่า เมื่อปี 2550 ตนได้กู้เงินกับโครงการ อทบ. ทั้งหมด 2.5 แสนบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดิน 2 แปลง 200 ตารางวา โดยที่มีนายหน้าเป็นคนดำเนินการให้ เมื่อผ่านการพิจารณา จะมีการจ่ายเงินให้นายหน้า แล้วนายหน้าจะนำเงินนั้น มาจ่ายคืนให้กับผู้กู้ โดยสาเหตุที่กู้นั้น เพราะตนต้องการนำเงินมาใช้จ่ายเรื่องค่าเล่าเรียนของลูก
ทั้งนี้ ราคาแท้จริงของที่ดินที่ขายคือ 80,000 บาทเท่านั้น แต่จ่าท็อปกู้มา 2.5 แสนบาท เท่ากับมีส่วนต่าง 1.7 แสนบาท ทว่า จ่าท็อปกลับได้เงินคืนแค่ 5 หมื่นบาท แถมยังทยอยจ่ายมาทีละน้อย ๆ ไม่ใช่จ่ายก้อนเดียว ส่วนอีก 1.2 แสนบาท เป็นค่าหัวคิวนายหน้า
เท่านั้นไม่พอ นายหน้ายังเสนอให้จ่าท็อป ติดต่อเพื่อนทหารให้มาซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน โดยจะให้ค่าแนะนำ 2 หมื่นบาท ต่อลูกค้า 1 ราย ตนจึงไปหาเพื่อนทหารมาซื้อที่ดินได้ 2 ราย แต่กลับได้ค่าตอบแทนแค่รายละ 5,000 บาทเท่านั้น โดยอ้างว่าให้ 5,000 เพราะได้ส่วนต่างไปแล้ว 50,000 บาท
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวที่โดนหลอกแบบนี้ ยังมีนายทหารคนอื่น ที่วิ่งเต้นไปชักชวนคนมาร่วมซื้อที่ดินแบบนี้ แต่ได้ค่าตอบแทนแค่ 5,000 บาทเหมือนกัน ทหารโดนหลอกเกือบทั้งค่าย ตอนนี้มีคนทำสัญญาซื้อบ้านและที่ดินกับนายหน้า 400 คน หากคำนวณส่วนต่างคร่าว ๆ 1 แสนบาท เท่ากับว่าตอนนี้ นายหน้าน่าจะได้กำไรไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท
นางนัด (นามสมมติ) แม่ของจ่าทหาร กล่าวว่า ลูกของตนก็เป็นอีกคนที่กู้เงินจากโครงการของ อทบ. เมื่อปี 2549 โดยที่ลูกกู้เงิน 1 ล้านบาท มูลค่าบ้านชั้นเดียวพร้อมที่ดิน 70 ตารางวา 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น เบ็ดเสร็จค่าบ้าน 8 แสนบาท ทำให้เหลือเงินทอน 2 แสนบาท
ทว่าเมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว กู้เงินผ่านแล้ว นายหน้ากลับไม่คืนเงิน 2 แสนบาท แต่ค่อย ๆ คืนทีละ 10,000 -20,000 บาท แล้วหายไปเป็นเดือน ต้องใช้เวลาทวงกว่า 2 ปี กว่าจะได้คืนทั้งหมด เวลาไปทวงก็อึดอัดใจ เขาก็ต่อว่ากลับมาว่า เงินแค่นี้ไม่โกงหรอก
ด้าน จ่าตั้ม (นามสมมติ) คนรู้จักกับคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงโคราช กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 คนร้ายได้ชวนเพื่อนทหารอีกคน ที่กู้เงินในโครงการ อทบ. ไปทวงเงินกับนางอนงค์ แต่เพื่อนทหารไม่ไปด้วย เพราะติดธุระ คนร้ายจึงไปทวงเอง แต่ไม่ได้
ส่วนคนที่กู้แบบคนร้ายก่อเหตุกราดยิงโคราช มีทั้งหมด 4 คน ที่กู้กับนายหน้าคนเดียวกัน ซึ่งทั้ง 4 คนนั้น ก็เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงโคราช นำไปสู่การเปิดโปงขบวนการกู้บ้านของกองทัพบก ที่เหล่านายทหารชั้นผู้น้อย กู้บ้านเพื่อเอาส่วนต่าง แต่กลับถูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่รังแก และพบว่า ขบวนการนี้มีช่องโหว่มากมาย (เปิดโปงขบวนการเงินทอน กู้สร้างบ้านสวัสดิการ ทบ. พบช่องโหว่ เอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อย)
ล่าสุด (13 กุมภาพันธ์ 2563) รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า ในกระบวนการกู้บ้านดังกล่าว ทหารแต่ละตำแหน่ง จะสามารถกู้บ้านกับ โครงการเพื่อการเคหะสงเคราะห์ (อทบ.) ได้ตามตำแหน่ง โดยพลทหาร-จ่าสิบเอก สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ร้อยตรี-ร้อยเอก สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 2 ล้านบาท พันตรี-พันโท สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 3 ล้านบาท และ พันเอกขึ้นไป สามารถกู้บ้านได้สูงสุด 5 ล้านบาท
ด้าน จ่าท็อป (นามสมมติ) ทหารที่เคยกู้เงินกับโครงการเพื่อการเคหะสงเคราะห์ (อทบ.) เผยว่า เมื่อปี 2550 ตนได้กู้เงินกับโครงการ อทบ. ทั้งหมด 2.5 แสนบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดิน 2 แปลง 200 ตารางวา โดยที่มีนายหน้าเป็นคนดำเนินการให้ เมื่อผ่านการพิจารณา จะมีการจ่ายเงินให้นายหน้า แล้วนายหน้าจะนำเงินนั้น มาจ่ายคืนให้กับผู้กู้ โดยสาเหตุที่กู้นั้น เพราะตนต้องการนำเงินมาใช้จ่ายเรื่องค่าเล่าเรียนของลูก
ทั้งนี้ ราคาแท้จริงของที่ดินที่ขายคือ 80,000 บาทเท่านั้น แต่จ่าท็อปกู้มา 2.5 แสนบาท เท่ากับมีส่วนต่าง 1.7 แสนบาท ทว่า จ่าท็อปกลับได้เงินคืนแค่ 5 หมื่นบาท แถมยังทยอยจ่ายมาทีละน้อย ๆ ไม่ใช่จ่ายก้อนเดียว ส่วนอีก 1.2 แสนบาท เป็นค่าหัวคิวนายหน้า
เท่านั้นไม่พอ นายหน้ายังเสนอให้จ่าท็อป ติดต่อเพื่อนทหารให้มาซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน โดยจะให้ค่าแนะนำ 2 หมื่นบาท ต่อลูกค้า 1 ราย ตนจึงไปหาเพื่อนทหารมาซื้อที่ดินได้ 2 ราย แต่กลับได้ค่าตอบแทนแค่รายละ 5,000 บาทเท่านั้น โดยอ้างว่าให้ 5,000 เพราะได้ส่วนต่างไปแล้ว 50,000 บาท
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวที่โดนหลอกแบบนี้ ยังมีนายทหารคนอื่น ที่วิ่งเต้นไปชักชวนคนมาร่วมซื้อที่ดินแบบนี้ แต่ได้ค่าตอบแทนแค่ 5,000 บาทเหมือนกัน ทหารโดนหลอกเกือบทั้งค่าย ตอนนี้มีคนทำสัญญาซื้อบ้านและที่ดินกับนายหน้า 400 คน หากคำนวณส่วนต่างคร่าว ๆ 1 แสนบาท เท่ากับว่าตอนนี้ นายหน้าน่าจะได้กำไรไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท
นางนัด (นามสมมติ) แม่ของจ่าทหาร กล่าวว่า ลูกของตนก็เป็นอีกคนที่กู้เงินจากโครงการของ อทบ. เมื่อปี 2549 โดยที่ลูกกู้เงิน 1 ล้านบาท มูลค่าบ้านชั้นเดียวพร้อมที่ดิน 70 ตารางวา 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น เบ็ดเสร็จค่าบ้าน 8 แสนบาท ทำให้เหลือเงินทอน 2 แสนบาท
ทว่าเมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว กู้เงินผ่านแล้ว นายหน้ากลับไม่คืนเงิน 2 แสนบาท แต่ค่อย ๆ คืนทีละ 10,000 -20,000 บาท แล้วหายไปเป็นเดือน ต้องใช้เวลาทวงกว่า 2 ปี กว่าจะได้คืนทั้งหมด เวลาไปทวงก็อึดอัดใจ เขาก็ต่อว่ากลับมาว่า เงินแค่นี้ไม่โกงหรอก
ด้าน จ่าตั้ม (นามสมมติ) คนรู้จักกับคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงโคราช กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 คนร้ายได้ชวนเพื่อนทหารอีกคน ที่กู้เงินในโครงการ อทบ. ไปทวงเงินกับนางอนงค์ แต่เพื่อนทหารไม่ไปด้วย เพราะติดธุระ คนร้ายจึงไปทวงเอง แต่ไม่ได้
ส่วนคนที่กู้แบบคนร้ายก่อเหตุกราดยิงโคราช มีทั้งหมด 4 คน ที่กู้กับนายหน้าคนเดียวกัน ซึ่งทั้ง 4 คนนั้น ก็เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
