x close

เปิดบทสัมภาษณ์ คุณโต้ง กัมพล ตันสัจจา เจ้าของสวนนงนุช พัทยา

       "คุณโต้ง กัมพล" ในวัย 74 ปี กับความสำเร็จเนรมิต "สวนนงนุช พัทยา" เป็นสวนสวยระดับท็อปเทนของโลก และยังไม่หยุดนิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสวนนงนุช ให้เป็นสวนแห่งความภาคภูมิใจของประเทศ พร้อมเจาะข้อคิดดี ๆ ในการทำธุรกิจด้วยคำว่า...อีกนิดนึง
 

       ด้วยพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ การจะเรียก "สวนนงนุช พัทยา" ว่าเป็น "อาณาจักร" ของสวนสวยที่สุดในประเทศไทย ก็คงจะพูดได้แบบเต็มปากเต็มคำอย่างที่สุด เพราะสถานที่แห่งนี้มีความที่สุดอยู่หลายเรื่อง มีต้นไม้นับล้านต้น รวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่อลังการตื่นตาตื่นใจทุกครั้งเมื่อได้มาเยือน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 40 ปี ทั้งนี้ "คุณโต้ง กัมพล" ก็ได้เผยว่า กำลังจะมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่สวนแห่งนี้ เพราะเขาจะไม่หยุด "เติม" และ "เดินหน้า" ต่อ
 
"ผมมีความสุขที่สุด ผมได้สร้างสิ่งที่ควรจะทำให้เป็นชื่อเสียงของประเทศเรา เป็นเรื่องสำคัญ นี่คือความภูมิใจที่สูงสุดจริง ๆ"

"คุณโต้ง" ยอมรับ ไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระบาด กระทบนักท่องเที่ยวลดฮวบ

        คือจริง ๆ เราสร้างพื้นที่สวนนงนุชนี้ขึ้นเพื่อ 2 วัตถุประสงค์ อย่างแรก คือทำเพื่อหารายได้ และเพื่อสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้สวยในระดับโลก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกอย่างก็คือ การทำพิพิธภัณฑ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่เด็ก เยาวชน รุ่นใหม่ และมีสวนสัตว์ เป็นพื้นที่ที่สามารถอบรมเด็กให้รักธรรมชาติและรักสัตว์ และได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ 

        ถึงแม้ว่าตอนนี้มีเหตุการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เกิดขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลง แต่เราก็ยังคงเดินหน้าต่อ

คุณโต้ง กัมพล

"สวนนงนุช" พร้อมรับสถานการณ์ ไม่หยุดปรับสวน หวังดึงนักท่องเที่ยวในแบบ "ไทยเที่ยวไทย"

       ที่ผ่านมา เราเองจริง ๆ ก็เน้นในเรื่องการท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยมามากกว่า 1 ปี เราได้เปิดสวนให้แก่คนไทยมาเที่ยว ตอนแรกก็เป็นอำเภอ แล้วก็เป็นจังหวัด เราก็ยังดำเนินการอยู่ อันนี้ก็เป็นอะไรที่ช่วยเราได้บ้าง

        เหมือนกับมีคนมาเที่ยวไม่ใช่ว่าจะไปหมด ตอนนี้ได้ประสานกับทางหน่วยราชการต่าง ๆ ให้ เขาเห็นความสำคัญของการเอาคนเข้ามาเรียนรู้ ทั้งในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ต่าง ๆ ที่เราได้ทำไว้พร้อมอยู่แล้ว เราได้จำนวนคนมาช่วยเราในช่วงนี้ แต่ก็ถือว่ามันยังไม่พอเพียง แต่เราก็ยังดำเนินการต่อไป ที่ผ่านมาสวนนงนุชของเราได้ดำเนินการมานานถึง 40 ปี เพื่อให้สวนของเราติดอันดับอยู่ใน Top Ten สวนที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้นแล้ว เรายังดำเนินการต่อไปนะครับ

        อย่างเช่น ตอนนี้เราสร้างสวนลอยฟ้าซึ่งเรียกว่าเสร็จไป 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว สวนที่ใหม่ที่สุดในโลก แล้วก็อยากให้ทางรัฐบาลได้เข้ามาช่วยโปรโมต โฆษณาไปว่าประเทศไทยมีสวนใหม่อีกแห่งหนึ่งในโลกแล้ว ผมคิดว่าสิ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชื่อเสียง และการที่ผมให้คนไทยมาเที่ยวฟรี ผมเองอยากให้คนไทยเห็นมีความภูมิใจของประเทศไทย

        เราก็ดำเนินต่อไปต่อเนื่องกัน โดยที่เราไม่ได้คิดถึงว่า การลงทุนเราจะต้องได้คุ้มกับที่เราลงทุน แต่เพราะเราได้ทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้คนเริ่มนิยมที่จะเข้ามาดู เราได้สร้างความแตกต่างที่หลายคนคิดว่าเป็นสวนธรรมดา สวนเราจะเน้นในเรื่องของความแปลก เรื่องของวัฒนธรรมไทย เรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรามีพระ 9 วัด มาประดิษฐานอยู่ในส่วนของสวนลอยฟ้า พระประจำวันเกิดเราก็ได้มาใส่ไว้ที่สวนแห่งนี้ เพื่อให้คนทุกคนมีทุกอย่างที่ต้องการ

        นอกจากนี้ เราก็สร้างสวนที่เรียกว่า เป็นแหล่งที่จะเก็บไม้เมืองหนาวเป็นแห่งแรก หรือแห่งต้น ๆ ของเอเชียก็ว่าได้ ที่ขณะนี้กำลังสร้างเรือนอยู่ โดยใช้แสงไฟที่จะเลี้ยงต้นไม้เหล่านี้ โครงการที่เราเริ่มไปแล้วและจะเสร็จภายในประมาณ 2 เดือนข้างหน้า แล้วเราก็จะนำมาใช้ใหม่ ๆ มาทดลอง ต่างชาติเห็นแล้วก็ให้ความสนใจ เรื่องเทคโนโลยีอื่น ๆ ผมเองก็ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า ใครมีอะไรใหม่ ๆ ให้เราที่เราจะทดลองทำดู

มุมมองความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ? 

       ผมคิดว่าความสำเร็จนั้นความภาคภูมิใจต้องมาก่อน หลายคนวัดความสำเร็จที่ว่า มีกำไร มีเงินเยอะแยะ ผมว่าอันนั้นก็เป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ยั่งยืนจริง ๆ ผมคิดว่า "ความภูมิใจ" มากกว่า ผมเองทำหน้าที่เป็นสวน ดังนั้น หน้าที่ของสวนหลักจริง ๆ ของสวนพฤกษศาสตร์ ไม่ใช่ของเอกชนทำ แต่ควรจะเป็นของรัฐบาลทำ หรือแม้แต่สวนสัตว์ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ ให้เขารักธรรมชาติและรักสัตว์ แต่เมื่อผมทำแล้ว ผมก็จะมุ่งเน้นไปในทางนี้มากที่สุด นั่นแหละคือความภูมิใจ ที่ประเทศไทยของเราได้มีสวนอย่างนี้เกิดขึ้น ซึ่งต่างชาติที่ทำสวนด้วยกันก็ได้เข้ามาเยี่ยมชม สิ่งแรกที่เขาถามว่าคือ รัฐบาลช่วยอะไรบ้าง ผมก็ถามกลับไปว่าทำไมถามอย่างนั้นล่ะ คุณทำหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำ แต่คุณนำมาทำและทำได้ดีด้วย ซึ่งสวนได้อยู่ใน Top Ten ของโลก และทุกคนก็ชื่นชมเรา สวนที่เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งผมเองภาคภูมิใจในเรื่องนี้ และผมก็จะสร้างต่อไปโดยไม่หยุด

       ทุกคนก็ไม่เข้าใจว่าลงทุนสวนลอยฟ้าอีกหลายร้อยล้าน ถามว่าลงทุนไปได้รับผลตอบแทนไหม ผมบอกว่า สิ่งที่มันรีเทริ์นกลับมาก็คือค่าผ่านประตูที่ผมไม่ได้ขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันยัง Balance กับเงินที่เราหาได้  โดยที่เราไม่ได้เดือดร้อน เพราะเรามีกำไร ดังนั้นก็เหมือนผมคืนกำไรให้แก่สังคม และผมก็กำลังสร้างตัวนี้ให้เป็นชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเอเชีย หรือในประเทศไทย ว่าเรามีสวนไม่แพ้กับต่างประเทศ ซึ่งเราก็มีทุกอย่าง และทำได้ดีด้วย...

       ตัวอย่าง ผมมานั่งดูไดโนเสาร์ เด็กทุกคนมา เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนมีโทรศัพท์กันหมด ถ่ายรูปกันหมด เด็กมาเนี่ยถ่ายรูปสวนผมไปส่งให้เพื่อน พ่อแม่พาเด็กมา ผมถามพ่อแม่อีก...บอกว่าคุณรู้ได้ยังไง ผมไม่รู้หรอก แต่ลูกผมบอกให้ผมพามา แล้วลูกคุณรู้ได้ไงล่ะ เพื่อนเขาส่งรูปมาให้ดูเลยอยากมาดูกัน ที่เป็นกลยุทธ์ผมว่าจะเรียกว่า 4.0 หรืออะไรก็ได้ที่เราดึงคน ดึงเด็ก มาดูสวนของเรา ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน จะเห็นว่ามีนักเรียนทุกวัน ปีที่แล้วผมว่าเรามีเด็กนักเรียนเข้ามาเกือบ 4 แสนคน ผมก็ภูมิใจ และนี่คือความสำเร็จของผม แต่ว่าความสำเร็จจะให้ยั่งยืนได้จะต้องเดินหน้าต่อไป

คุณโต้ง กัมพล

ผมใช้ทฤษฎีที่ผมสอนลูกน้องทุกคน ด้วยคำว่า "อีกนิดนึง" ตอนนี้เราทำอะไร พอทำเสร็จแล้วอย่าพึงพอใจสิ่งที่เราทำเสร็จ ดูว่าทำอะไรอีกนิดนึงได้ไหม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสวนลอยฟ้าที่ไม่หยุดเลย เพราะอะไรที่เขาเดินผ่านไม่ถ่ายรูป ผมก็เติมอีกนิดนึง นี่คือสิ่งที่ผมสอนเด็ก ๆ ทุกคนที่ทำงานกับผม คุณคิดอย่างนี้ได้เมื่อไรอนาคตก็จะไปได้ไกล

"คุณโต้ง" กัมพล ตันสัจจา กล่าว

หลายคนมองว่า “คุณโต้ง” เหมือนพ่อพระ ? ทำสิ่งดี ๆ แล้วคืนให้กับสังคม 

       ผมว่านั่นไม่ใช่พ่อพระหรอกครับ ผมว่ามันเป็นความภูมิใจ คนเราทำดีแล้ว คนที่อยู่แล้วมีโอกาสแบบผมที่จะเดินหน้าต่อไปนี้มีไม่กี่คน น้อยมากครับ ผมยืนอยู่ตรงจุดนี้ทำไมผมไม่เดินต่อไป เราเดินในทิศทางที่เราคิดว่าควรจะเป็นโอกาส ที่นี่เราพร้อมทุกด้าน ออกแบบกันเอง สร้างกันเอง ปลูกต้นไม้ใช้ต้นไม้กันเอง และดูแลกันเอง ฝรั่งถึงบอกว่าสวนผมเทียบกับ Garden by the bay ของสิงคโปร์ งบประมาณผิดกันเป็น 10 เท่า 100 เท่า เพราะสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราทำมันไม่ได้ว่าอยู่ที่ว่าเงินที่เราลงทุนมากเท่าไร มันอยู่ที่ความจริงใจ หรือสิ่งที่เราได้ตอบรับเท่าไร ซึ่งผมเองอยู่ในระดับอยู่ในโอกาสอันนี้แล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้มันไป

       ช่วงนี้แม้เศรษฐิกิจไม่ดี ผมยังทำงานกลางคืนกันอยู่เลย เพราะว่าผมจะเร่งทำหลาย ๆ อย่าง เงินเราตอนนี้มีไม่มาก ดังนั้นสร้างสวนที่ใช้เงินน้อย ๆ แต่อย่าหยุด ตอนนี้โครงการใหม่ที่ผมเริ่มไปพักนึงแล้ว คือ สร้างเนอสเซอรี่ให้เป็นสวน ก็คือรถชมวิวจะวิ่งเข้าไปในที่ต่าง ๆ และเรากำลังปรับปรุงให้แปลกหูแปลกตา นี่ก็เป็นอะไรที่ใหม่ที่เราสามารถทำได้โดยไม่ได้ใช้เงินเยอะในช่วงที่ลำบาก นี่คือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่แล้วผมดีใจมาก ๆ เพราะว่ามันเริ่มเปลี่ยนแปลง และหลายคนจะบอกว่าสวนนงนุชเปลี่ยนอีกแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนให้รู้ เปลี่ยนอีกละ เปลี่ยนโดยขยับสมบัติของผม ขยับวางให้มันสวย เพราะต้นไม้เรามีเป็นล้านต้น ขยับเพื่อให้ทุกคนได้เห็น เพื่อให้ทุกคนได้เห็น

คุณโต้ง กัมพล

“คุณโต้ง” วัยกว่า 70 ปี กับเรื่องสุขภาพ 

       นั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด ผมบอกลูกน้องผม บอกช่วยผมหน่อย เราทำทั้งวันทั้งคืน ผม 70 กว่าแล้ว เวลาผมไม่มีแล้ว แต่ผมไม่ได้มองดูว่า 70 กว่า ควรจะรีไทร์ ผมพร้อมที่สุดเมื่อผม 70 กว่า ถ้าผมรีไทร์ก็แย่เต็มที่ล่ะ ผม 70 แล้ว ผมต้องทำให้เต็มที่ มีถ่ายผมก็ยากเต็มทีละ 70 มากกว่าเมื่อตอน 50-60 ด้วยซ้ำ เพราะเราไม่มีกำลังวังชาในด้านการทำงาน ไม่มีกำลังวังชาเรื่องประสบการณ์ ตอนนี้เรามีครบแล้ว ทำไมเราไม่เดินไปข้างหน้าล่ะ และมองตามความจริง ใช้คำว่า เหมือนกับเครื่องยนต์มันวิ่งได้แรก ๆ วิ่ง 100% ตอนนี้ผมวิ่งได้ 80% ผมก็วิ่ง 80% แต่ 80% ผมไม่ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน ทำงานอาจจะน้อยกว่าเดิม แต่จะดูแลให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากกว่า ตอนนี้จะสังเกตว่าสวนนงนุชเดินไปไวมาก ๆ ซึ่งหลายคนคนตกใจ ตอนนี้เราสร้างห้องพัก ห้องน้ำสำหรับคนพิการ โดยเฉพาะให้เขาได้มีโอกาสมาดู สำหรับเรื่องอย่างนี้ผมก็คิดทุกด้านที่คิดได้และรีบทำโรงแรมนี้ผมสร้างแค่ 6 เดือน
 

ผมมีความสุขที่สุด ผมได้สร้างสิ่งที่ควรจะทำให้เป็นชื่อเสียงของประเทศเรา เป็นเรื่องสำคัญ นี่คือความภูมิใจที่สูงสุดจริง ๆ

คุณโต้ง กัมพล

ฝากข้อคิดดี ๆ คนรุ่นใหม่ กับการเริ่มธุรกิจ เพื่อสร้างกำลังใจ

       คนเราเริ่มทำงานอะไรก็ตามมันต้องนับหนึ่งสองสาม คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไม่นับหนึ่งสองสาม แต่มักจะกระโดดไปสามสี่ห้าเลย โอกาสที่เขาพลาดมหาศาล คนรุ่นใหม่จริง ๆ ต้องเป็นลูกจ้างเขาก่อน ไปเข้าใจงานที่เขาจะทำ เรียนรู้ว่ายากลำบากแค่ไหนแล้วค่อยถึงจะมาเริ่มทำงานตัวเอง ก็รุ่นใหม่คิดอย่างเดียวว่าเขาจะเป็นเจ้าของกิจการ เขาจะรวย ทำไมไม่คิดถึงการเป็น Professional Worker ล่ะ เป็นคนทำงานที่มีคุณค่าแก่บริษัท เมื่อเขาทำได้ถึงจุดนั้นเต็มที่แล้ว เขาจะมาเป็นเจ้าของบริษัทง่ายมาก แต่ตอนนี้วัดกันด้วย ใครรวยกว่าใคร ใครประสบความสำเร็จเร็วกว่าใคร ใครมีเงินเดือนมากกว่าใคร แต่ควรเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างแท้จริง

       ผมใช้เวลา 40 ปี กว่าผมจะเข้าใจสวนนงนุช เข้าใจเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วเอง แล้วจะเห็นว่า 10 ปีที่แล้ว สวนนงนุช เปลี่ยนแปลงมหาศาล 30 ปีแรก ล้มลุกคลุกคลาน ดังนั้นควรเข้าใจในหลักการปฏิบัติ เด็กสมัยใหม่ควรที่จะต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ก่อน ควรสร้างคุณค่ากับตัวเองและคนรอบข้าง

ชวนคนไทย เที่ยวสวนนงนุช สวนของคนไทยที่น่าภูมิใจ 

       การประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ผมทำมาโดยตลอด และสวนนงนุชเป็นสวนที่สวยที่สุดในโลกติดอันดับ Top Ten และอยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวสวนที่สวยที่สุดของโลกอยู่ในประเทศไทย อยู่ที่พัทยา ว่าสิ่งที่เราได้ทำและนี่แหละเป็นหน้าเป็นตา เป็นชื่อเสียงของประเทศเรา ผมดูแลเรื่องเรื่องต้นไม้ เรื่องสวน ผมต้องทำให้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ผมไม่ได้ทำให้ดีที่สุดเพื่อผมจะได้มีเงิน และมีความสุขกับตัวเอง

       อยากให้รัฐบาลประกาศออกไปว่า เมืองไทยมีสวนใหม่ไม่แพ้ประเทศอื่น อยากให้ทุกท่านมีโอกาสได้เข้ามาเที่ยวชมสวน ผมจึงทำโครงการไทยเที่ยวไทย หมดแล้วก็เริ่มใหม่อีก เพราะอยากให้ทุกคนมาภูมิใจกับประเทศไทยของเราครับ 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดบทสัมภาษณ์ คุณโต้ง กัมพล ตันสัจจา เจ้าของสวนนงนุช พัทยา อัปเดตล่าสุด 4 มีนาคม 2563 เวลา 18:02:16 21,122 อ่าน
TOP