ศาลอังกฤษ เผย ชีค โมฮัมเหม็ด กษัตริย์ดูไบ ลักพาตัวพระธิดา 2 พระองค์ไปกักขังและทรมาน จนทำให้พระชายาหวาดกลัว ต้องพาพระโอรสและพระธิดาหลบหนี ซ้ำยังถูกตามมาข่มขู่ จนหวาดกลัวสุดชีวิต

ภาพจาก KARIM SAHIB / AFP
ย้อนกลับไปเมื่อ 8 เดือนก่อน ราชวงศ์ดูไบได้ตกเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก หลังจากที่ เจ้าหญิงฮายา บินต์ อัล-ฮุสเซน (Princess Haya Bint Al-Hussain) พระชันษา 45 ปี ทรงพาพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์ หลบหนีออกนอกประเทศมายังอังกฤษ
พระองค์ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องกับศาลสูง กล่าวหาว่า ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล-มักทูม (Sheikh Mohammed Bin Rashid Al-Maktoum) กษัตริย์แห่งดูไบ พระสวามี ลักพาตัวพระธิดา 2 พระองค์ (ประสูติในพระชายาพระองค์อื่น) ไปกักขังและทรมาน
โดยเจ้าหญิงฮายาไม่สามารถอดทนอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้อีกต่อไป จนพระองค์ต้องพาพระโอรสและพระธิดาหลบหนี แต่พระองค์กลับถูกข่มขู่ให้กลับดูไบ ซึ่งพระองค์ไม่ยอมกลับ เพราะทรงหวาดกลัวสุดชีวิต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ศาลสูงอังกฤษได้เผยแพร่คำตัดสินความจริง (FFJ - Fact Finding Judgement) เกี่ยวกับคดีดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์แก่เจ้าหญิงฮายา โดย ชีค โมฮัมเหม็ด ทรงพยายามดึงคดีความดังกล่าวให้พ้นจากการเป็นสาธารณะ แต่การยื่นอุทธรณ์ถูกปฏิเสธ เนื่องจากเป็นคดีที่ทั่วโลกให้ความสนใจ รายงานยังระบุอีกว่า ชีค โมฮัมเหม็ด ทรงไม่แสดงความซื่อสัตย์และเปิดเผยอย่างจริงใจในชั้นศาล

ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล-มักทูม กษัตริย์แห่งดูไบ : ภาพจาก MARWAN NAAMANI / AFP
นอกจากนี้แล้ว ศาลยังสืบพยานอย่างเข้มข้นมาตลอดกระบวนการ พบว่า ชีค โมฮัมเหม็ด อยู่เบื้องหลังในการลักพาตัวพระธิดา 2 พระองค์ (เกิดจากพระชายาพระองค์อื่น) และบังคับให้เดินทางกลับไปยังดูไบ คือ ชีคกา ชามซา และ ชีคกา ลาติฟา
- ชีคกา ชัมซา ทรงหลบหนีออกจากบ้านพักของราชวงศ์ดูไบในเมืองเซอร์เรย์ เมื่อปี 2543 แต่ในเวลาต่อมา คนของ ชีค โมฮัมเหม็ด ได้ติดตามไปลักพาตัวพระองค์กลับมายังบ้านพักในเคมบริดจ์เชอร์ ก่อนจะส่งตัวพระองค์กลับไปยังดูไบ ขณะนี้พระองค์ยังทรงถูกคุมขังอยู่ ทางตำรวจมณฑลเคมบริดจ์เชอร์ได้เดินทางไปยังดูไบเพื่อสืบสวนการลักพาตัว ชีคกา ชัมซา แล้ว แต่ถูกปฏิเสธ
- ชีคกา ลาติฟา ทรงพยายามหลบหนีจากวัง 2 ครั้ง ในปี 2545 และ ปี 2562 แต่ไม่สำเร็จทั้ง 2 ครั้ง โดยหลังจากการพยายามหลบหนีครั้งแรกไม่เป็นผล ชีค โมฮัมเหม็ด ทรงลงโทษพระธิดาด้วยการคุมขังที่ดูไบ เป็นเวลา 3 ปี ส่วนการหลบหนีครั้งที่สอง ชีคกา ลาติฟา ถูกติดตามตัวได้ที่ชายฝั่งในอินเดีย พระองค์ทรงถูกควบคุมตัวกลับดูไบ และขณะนี้พระองค์ยังคงถูกคุมขังอยู่ในวัง
ในกรณีของ ชีคกา ลาติฟา นั้น ผู้พิพากษาพบว่าพระองค์ทรงถูกทรมานทางกายอย่างสาหัสรุนแรงมาก หลังจากที่พระองค์ทรงแอบอัดคลิปแฉความจริง ซึ่ง ชีค โมฮัมเหม็ด ยังทรงอยู่ในอำนาจตามปกติ ในขณะที่พระธิดาทั้ง 2 พระองค์ ทรงถูกกีดกันจากอิสรภาพ

เจ้าหญิงฮายา บินต์ อัล-ฮุสเซน : ภาพจาก ADRIAN DENNIS / AFP
สำหรับเจ้าหญิงฮายานั้น พระองค์ทรงเป็นพระธิดาพระองค์ที่ 6 ในสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน พระองค์ทรงอภิเษกสมรสมกับ ชีค โมฮัมเหม็ด ในปี 2547 โดยพระองค์ทรงเป็นพระชายาพระองค์ที่ 6 และเป็นพระชายาที่มีอายุน้อยที่สุดของกษัตริย์ดูไบ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระธิดา พระชันษา 11 ปี กับ พระโอรส พระชันษา 7 ปี
เจ้าหญิงทรงรับรู้เรื่องราวของชีคกา หรือเจ้าหญิงทั้ง 2 พระองค์ แต่รู้เพียงแค่ว่าทั้ง 2 พระองค์ได้รับการช่วยเหลือจากอันตรายให้กลับมาสู่ความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2562 เจ้าหญิงฮายาทรงระแคะระคายเรื่องการถูกคุมขัง และทรงไม่มั่นใจในความปลอดภัยของพระองค์ จนในที่สุด พระองค์ทรงตัดสินพระทัยพาพระโอรสและพระธิดาหลบหนีมายังอังกฤษในเดือนเมษายน 2562
เจ้าหญิงฮายา ทรงเล่าว่า พระสวามีทรงข่มขู่คุกคามอยู่ตลอดเวลา และเคยตรัสว่า "เจ้าและลูก ๆ จะไม่มีทางใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในอังกฤษ" พระองค์เคยตื่นมาเจอปืนวางข้างพระเขนย (หมอน) ถึง 2 ครั้ง และเคยมีเฮลิคอปเตอร์มาจอดข้างที่พักของพระองค์ ข่มขู่ว่าจะลักพาตัวพระองค์ไปคุมขังที่ทะเลทรายห่างไกล
ศาลยังรับรู้อีกว่า ชีค โมฮัมเหม็ด ได้ทรงใช้สื่อเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในแง่ลบเพื่อโจมตีเจ้าหญิงฮายาให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยเช่นกัน
ข้อกล่าวหาและการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ได้นำมาซึ่งความอับอายขายหน้าอย่างยิ่งแก่ ชีค โมฮัมเหม็ด โดยพระองค์ทรงออกแถลงการณ์ระบุว่า...
"ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ข้าพเจ้ามิสามารถเข้าร่วมกระบวนการค้นหาข้อเท็จจริงในชั้นศาลได้ ด้วยเหตุนี้ คำเผยแพร่คำตัดสินความจริงของศาล จึงมีข้อมูลแค่เพียงด้านเดียว ข้าพเจ้าขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าคดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว และข้าพเจ้าขอให้สื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของบุตรของข้าพเจ้าด้วย และโปรดอย่าคุกคามชีวิตส่วนตัวของพวกเขาขณะพักพิงในสหราชอาณาจักร"
ชีค โมฮัมเหม็ด ตรัสอีกว่า การที่พระองค์ยื่นอุทธรณ์ให้เรื่องนี้หลุดจากคดีสาธารณะ ก็เป็นไปด้วยพระประสงค์ในการปกป้องพระโอรสและพระธิดาให้ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้ช่วยปกป้องพระโอรสและพระธิดาเฉกเช่นเดียวกับที่เด็กคนอื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรพึงได้รับ

ภาพจาก KARIM SAHIB / AFP






